เรามาถึงสนามบินก็ตรงไปเอารถเช่าเลย จองไว้ล่วงหน้าไม่งั้นคงไม่ได้รถแน่ๆ รถเต็ม คนมาเยอะมากๆ ได้รถแล้ววิ่งไปทานกลางวันก่อนเลย ร้านประจำคุณหมอคูซีน ชอบน้ำพริกหนุ่มที่นี้ ไม่เผ็ดมาก กำลังดี
ทานเสร็จก็ต้องทานกาแฟตามระเบียบ ไปกาแฟวาวีใกล้ๆ ร้านนี้มีความประทับใจมากมายในอดีต เพราะเป็นการท่องเที่ยวเชียงใหม่ตอนใหม่ๆ อะไรๆก็ใหม่ น่ารู้น่าไปซะะหมดในตอนนั้น 555
จบจากกาแฟ เราก็เข้าไปเช็คอินโรงแรมเลย และรอเพื่อนอีกคนมาจากสนามบินไปในตัว โรงแรมที่เราจะไปพัก เคยมาพักแล้วมกราปีที่แล้วและประทับใจมาก เพราะอากาศเย็นสบาย มีระเบียงสวยๆนั่งสบายๆรับลม ห้องสวย ปีนี้เลยกลับมาใหม่อีกรอบ โรงแรมชื่อเก๋ๆว่า 137 Pillars House อยู่ใกล้วัดเกตุที่เรามาไหว้ทุกปี มานั่งรอห้องที่ล๊อบบี้ สวยเชียว บรรยากาศภายนอก สงบ เย็นสบาย โรงแรมที่นี้ห้องนอนไม่เยอะนักค่ะ เงียบๆ ไม่พลุกพล่าน
มาดูห้องนอนกันค่ะ ทางเข้าห้องนอน
มีระเบียงที่นั่งได้ทั้งวันเลยค่ะ สบายสุดๆ
ก่อนนอนจะมีคนเอา Bedtime story มาวางให้อ่านก่อนนอนด้วย 555
เข้าพักรอเพื่อนซักพัก พอมากันถึงก็ออกเดินทางต่อเลยค่ะ ที่แรกที่จะไปคือแม่ริม เราขอทานกาแฟทานอะไรกันก่อนนะค่ะ เลยไปที่ร้านศาลากาแฟกัน ร้านนี้เคยมาหลายหนแล้วแต่มาอีกก็ได้ค่ะ มีหนมและอาหารให้เลือกเยอะ คนก็เยอะดีค่ะ
มาดูขนมกันค่ะ มีขนมเค้กให้เลือกสองตู้เลย
เราสั้งเค้กมะพร้าวกับเค้กทีรามิสุค่ะ แล้วก็มี Pork Chop ด้วยค่ะ
อาหารก็ใช้ได้ค่ะ อากาศเย็นสบายเพราะเราขึ้นมาข้างบนๆแล้ว นั่งพักซักพักนึงก็เดินทางต่อ เราจะเข้าสวน Sirikit Botanica ไปดูทางทางลอยฟ้าแต่นางปิดใส่ซะงั้น 555 เลยไปดูม่อนม่วน ที่ๆถ่ายทำละคร ตามรักคืนใจส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นในบ้านพระเอกกันค่ะ สวยและอากาศเย็นสบายสุดๆ
ที่นี้ขับมาทางเดียวกับม่อนแจ่มค่ะแต่อยู่ถึงก่อน ขึ้นมาสูงประมาณนึง อากาศเลยเย็นสบาย บ้านม่อนม่วน สวย ตอนแรกว่าจะมาดูๆถ่ายรูปแต่พอมานั่งแล้วเลยสั่งอะไรมาดื่มซักหน่อย ก็มันนั่งสบายจริงๆค่ะ กะว่าคราวหน้ามาจะต้องมาทานอะไรที่นี้ซักหน่อย แต่มาดูบรรยากาศในบ้านม่อนม่วนก่อนนะค่ะ
ตรงนี้ที่เป็นห้องรับแขกบ้านพระเอกในละคร
เลยสั่งเครื่องดื่มซะหน่อย
นับกินบรรยากาศดีๆซักพักนึงก็ได้เวลากลับ เพราะเรามาค่อนข้างสาย ขากลับเลยกลัวว่าทางจะมืด เราลงจากแม่ริมมา ไปทานข้าวเย็นที่ร้านเฮือนสุนทรีย์ เป็นร้านเก่าแก่ประจำเชียงใหม่ เจ้าของเป็นนักร้องรุ่นแม่ เป็นแม่ของนักร้องคนนึงถ้าเราจำได้กันชื่อ ลานนา คัมมิน
อาหารออกไปทางรสคนกรุงแต่จะเผ็ดไปนิด
น้ำพริกอ่อง รสชาติจืดไปนิดแต่น้ำพริกหนุ่ม เผ็ดแบบมึนงง
ยำผลไม้ อร่อย
ไก่บ้านย่างอบสมุนไพร ใช้ได้ค่ะ
มุมอาหารที่นั้ไม่ได้มีเยอะแยะแต่พอเพียงและบริกรทำงานด้วยใจ พยายามทำทุกอย่างให้จนเราแทบไม่ต้องกระดิกเลยค่ะ
มุมสลัด
มุมน้ำต่างๆ ที่เด้ดคือน้ำผลไม้แยกาก ทำกันสดๆเลย
เราก็สั่งเหมือนเดิมทุกโรงแรมสั่งแบบนี้คือ ออมเล็ตใส่ทุกอย่างเพิ่มชีส
มีสั่งลาเต้ร้อนมาประกบการทาน 555
ทานเสร็จก็เคลื่อนตัวเลยเพราะเสียเวลากันมากแล้ว เราวิ่งตรงจากโรงแรม มีแวะซื้อกาแฟกันหน่อย ไซื้อกาแฟวาวีสาขาตรงริมน้ำปิง เจ้าประจำอีกสาขา เราชอบเชียงใหม่ตอนหน้าหนาวมากๆ มันสบายแบบไปไหนก็สบาย อยากนั่งเล่นดูน้ำดูวิวมันไปซะทุกที่เลย 555 แหม ออกนอกเรื่องไปไกลเลย กลับเข้าเรื่องดีกว่า เราขับรถขึ้นดอยอินทนนทื เท่าที่สังเกตุ หลายคนเช่ารถเล็กมาขับขึ้นดอย ซึ่งเป็นอันตรายและอยากเตือนว่าอย่าทำแบบนั้นเพราะเครื่องมันไม่แรงพอ รถมันจะคลานขึ้นไปช้ามาก แล้วรถข้างหลังที่ต้องอาศัยแรงเหวี่ยงหักขึ้นตามโค้งต้องมาเบรครถตามรถเล็กที่ปีนดอยไม่ไหว มันอันตรายมากจริงๆค่ะ บางทีรถติดกันเป็นแถวเพราะเจ้ารถรถที่ไม่มีแรงขึ้นพยายามคลานขึ้นแล้วไปก็ไปสลบกันกลางดอย ไปไม่ถึงต้องกลับรถกันเป็นแถว บางคันเดินไปข้างๆ กลิ่นเบรคไหม้แรงมาก เพราะงัเนจะใช้รถต้องดุการใช้งานด้วยค่ะ อย่าประมาท คิดว่าไม่ใช่รถเรา ฝืนๆขับไป ไม่ได้ค่ะ อันตรายทั้งเราและผู้อื่นค่ะ
บ่นซะเยอะ เราต้องการขึ้นดอยไปดูต้นพญาเสือโคร่งกันค่ะ แต่ขาไปขอเลยไปเยี่ยมชมเจดีย์สองเจดีย์ที่สร้างถวายแด่ในหลวงและราชินีกันก่อน เจดีย์นี้ผู้รู้แจ้งว่าสร้างบนฮวงจุ๊ยที่ดีที่สุดในประเทศไทย จึงใช้สำหรับที่จะเก็บพระอัฐิของทั้งสองท่านในอนาคต เป็นสองเจดีย์ที่หันหน้าหากัน อารมณืประมาณทัชมาฮาลเลยค่ะ ไปดูกันนะคะ
ขาขึ้นมีบันไดเลื่อนให้ค่ะ แต่ขาลงต้องเดินลงเอง ข้างในเจดีย์มีห้องโถงใหญ่ให้ไหว้พระ บางครั้งจะมีพระนำสวดด้วยค่ะ
หลังจากนี้เราไปจุดสูงสุดของดอยอินทนนท์กัน
เสร็จจากนี้จะขึ้นดอยไปขุนวาง ระหว่างทางวิ่งขึ้นเรื่อยๆก็เจอรถเต่าที่ขึ้นดอยไม่ไหวเยอะมาก ทำให้รถติดเป็นแถวและรถข้างหลังก็ต้องเหยียบคะันเร่งกันมิด เพราะรถที่ขึ้นไม่ไหวปิดทางขึ้นไว้ แล่นๆไปก็เจอรถเต่าเหล่านี้ค่อยๆกลับรถถอยกลับลงดอย ไปกันไม่ถึงค่ะ เพราะตรงทางขึ้นบางที่มันแคบและชัน บวกกับคนมาเยอะ รถจอดข้างทางทำให้สวนกันยาก ข้างบนก็ติดกันอลเวงไปหมด 555 ดูรูปซิค่ะ รถแล่นมาเจอบบนี้ก็จอดข้างทางแล้วเดินต่อเลยค่ะ เพราะจะสวนไปก็ไม่ได้ รถจะสวนมาก็มาไม่ได้ เราจอดดีกว่า ให้รถคันอื่นสวนกันให้เรียบร้อย เดินไปกลิ่นเบรคใครไหม้เต็มไปหมด อันตรายจริงๆ เคยเห็นรถเบรคแตกแล้วไปคว่ำตอนลงเขามากับตาแล้วเลยไม่อยากเห็นอีก
เราไปถึงโครงการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี ระหว่างทางก็มีดอกพญาเสือโคร่งเริ่มบานแล้ว แต่ชาวบ้านบอกข้างบนๆยังไม่บาน ต้องรออีกสองอาทิตย์ เราเลยตัดสินใจว่าจะไม่ขึ้นไปต่อเพราะถนนและการจราจรคับคั่ง เกรงใจพี่แฟนเพื่อนที่ขับรถมาให้ แต่ถ้าเรามาคนเดียวรับรอง เจ๊ลุยต่อแน่นอน แต่อย่างว่ามากับคนอื่น ตามใจตัวเองมากไม่ได้เนอะ ก็ต้องหยวนๆไป เพราะเราจะไปทำเค้าลำบาก สังเกตุว่าหลังๆเราเที่ยว extreme จนกลายเป็นการเที่ยวกับคนอื่นๆไม่สนุกเท่าที่ควรอีกต่อไปแล้ว ออกจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ เพราะคนอื่นไม่ลุยเท่าเรา แค่นี้สำหรับคนอื่นว่าโอเคแล้ง สำหรับเรา มันไม่พอ เหมือนรถวิ่งกันคนละความเร็ว คนอื่นวิ่งไม่เกิน 80 เราวิ่ง 140 เราเลยออกจะอึดอัดแต่โดยมารยาทก็ต้องอดทนกันไป ถึงหลังๆไม่ค่อยอยากชวนใครเลย อยากเดินทางคนเดียวมากกว่า และได้เริ่มเกริ่นๆกับคนรอบตัวแล้วว่าปีนี้จะเป็นปีที่เคลียร์คิวการเที่ยวกะเพื่อนๆ หลังจากเคลียร์คิวเสร็จ ต่อไปจะเดินทางคนเดียวล้วนๆ ให้ได้ปลดปล่อยอิสรภาพกันมั่ง ขอพักเบรคการเที่ยวเป็นกลุ่มไว้อีกนาน มาดูความงามของต้นพญาเสือโคร่งกันดีกว่า พุดไปบ่นไปอยู่เรื่อย 555
ถนนที่น่าจะเป็นที่ถ่ายทำละครก่อนถึงโครงการอนุรักษ์ จะเห็นทิวแถวต้นซากุระเมืองไทยแล้ว คนเยอะมากจนแทบหาโอกาศถ่ายรูปไม่ติดคนติดรถได้เลย รถสวนมามีตลอด จะดดนรถเฉี่ยวกันก็หลายหน
ภายในโครงการอนุรักษ์
จากนี้เสร็จเราก็ลงดอยกัยค่ะ มีจุดมุ่งหมายคือ ถนนคนเดินท่าแพ เรามาที่นั้บ่อยเกือบจะทุกครีั้งที่มาเชียงใหม่ แต่คราวนี้ถือว่าคนเยอะมากจริงๆ แต่เพื่อนบอกว่าวันนี้ถือว่าน้อย เราสังเกตุว่า เราเคยมาเดินหลายปีก่อน คนต่างชาติยังไม่เยอะเท่านี้ แต่เที่ยวนี้คนต่างชาติเยอะมากจริงๆ เรามาทานอาหารค่ำกันที่นี้ ร้านข้าวต้มกลางเวียง คนเยอะกว่าเดิมเยอะ มีจัดคิวแล้วด้วย เสร็จมาเติมพลังงานด้้วยคาเฟอินกัน มีที่ถนนคนเดินด้วย พักเหนื่อย
เสร็จก็กลับโรงแรมพักผ่อนเพราะตื่นเช้านอนน้อยกันถ้วนหน้า วันรุ่งขึ้นวันสุดท้ายเราวางแผนตื่นกันตามสบาย เลยกว่าจะได้ทานอาหารคือ สิบโมงเช้า ดีที่โรงแรมให้ทานได้ถึง 11 โมงเลย สบายๆ แต่เราต้องเช็คเอาท์กันตอนเที่ยง เพราะจะไปร้านเปรมประชา เป็นร้านทำโอ่งไหแจกันเครื่องปั้นดินเผาที่สมัยก่อน คนต้องมาเก็บสะสมของร้านนี้เป็น collection เพราะงานสวย ละเอียด มีต่างชาติมาช่วยพัฒน่าแบบกันต่อเนื่องเพื่อทำส่งออก แต่มาพักหลังนี้ เราสังเกตุว่า การพัฒนาแบบไม่ค่อยมีแล้ว น่าจะเกิดจากเศรษฐกิจโลกไม่ดี ส่งออกนอกมั่ง อันนี้คือเดากันไป ของแจกัน โอ่งชิ้นใหญ่ๆก้ไม่ค่อยมีเท่าไร เราเลยไม่ได้ของติดมือส่งกลับมบ้านเลย
เสร็จจากนี้เราวางแผนจะไปทานเที่ยงและซื้อของฝากกลับบ้าน แต่เนื่องจากเพื่อนต้องกลับก่อนคนละไฟท์กับเรา เราเลยต้องตัดรายการของฝากออกไป เวลาไม่พอเหลือแต่ไปทานอาหารร้าน Nakara Jardin ทานกันตอนบ่ายสองกว่าๆ เสร็จก็หมดเวลา ต้องเอาเพื่อนไปส่งสนามบินตอนสี่โมงเย็น ร้านอาหารนี้ค่อนข้างโด่งดังเช่นกัน
มีวิวแม่น้ำปิงด้วยค่ะ
เอาเพื่อนไปส่งสนามบินเสร็จ เป็นอันจบทริปเชียงใหม่ เราก็ขับรถเล่นไปมาซักพักรอเวลาเช็คอินของตัวเองเช่นกัน ขอจบทริปอย่างเป็นทางการเลยค่ะ เจอกันคราวหน้า น่าจะเป็นทริปลาว เวียงจันทร์ค่ะ บ๊ายยยยยย
มาดูขนมกันค่ะ มีขนมเค้กให้เลือกสองตู้เลย
เราสั้งเค้กมะพร้าวกับเค้กทีรามิสุค่ะ แล้วก็มี Pork Chop ด้วยค่ะ
อาหารก็ใช้ได้ค่ะ อากาศเย็นสบายเพราะเราขึ้นมาข้างบนๆแล้ว นั่งพักซักพักนึงก็เดินทางต่อ เราจะเข้าสวน Sirikit Botanica ไปดูทางทางลอยฟ้าแต่นางปิดใส่ซะงั้น 555 เลยไปดูม่อนม่วน ที่ๆถ่ายทำละคร ตามรักคืนใจส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นในบ้านพระเอกกันค่ะ สวยและอากาศเย็นสบายสุดๆ
ที่นี้ขับมาทางเดียวกับม่อนแจ่มค่ะแต่อยู่ถึงก่อน ขึ้นมาสูงประมาณนึง อากาศเลยเย็นสบาย บ้านม่อนม่วน สวย ตอนแรกว่าจะมาดูๆถ่ายรูปแต่พอมานั่งแล้วเลยสั่งอะไรมาดื่มซักหน่อย ก็มันนั่งสบายจริงๆค่ะ กะว่าคราวหน้ามาจะต้องมาทานอะไรที่นี้ซักหน่อย แต่มาดูบรรยากาศในบ้านม่อนม่วนก่อนนะค่ะ
ตรงนี้ที่เป็นห้องรับแขกบ้านพระเอกในละคร
เลยสั่งเครื่องดื่มซะหน่อย
นับกินบรรยากาศดีๆซักพักนึงก็ได้เวลากลับ เพราะเรามาค่อนข้างสาย ขากลับเลยกลัวว่าทางจะมืด เราลงจากแม่ริมมา ไปทานข้าวเย็นที่ร้านเฮือนสุนทรีย์ เป็นร้านเก่าแก่ประจำเชียงใหม่ เจ้าของเป็นนักร้องรุ่นแม่ เป็นแม่ของนักร้องคนนึงถ้าเราจำได้กันชื่อ ลานนา คัมมิน
อาหารออกไปทางรสคนกรุงแต่จะเผ็ดไปนิด
น้ำพริกอ่อง รสชาติจืดไปนิดแต่น้ำพริกหนุ่ม เผ็ดแบบมึนงง
ยำผลไม้ อร่อย
ไก่บ้านย่างอบสมุนไพร ใช้ได้ค่ะ
จบวันนี้กลับโรงแรมไปใช้เครื่องทำกาแฟดื่ม ทำชาร้อนดื่มทานกับขนมที่ทางโรงแรมมาวางไว้ให้ แฮ๊ปปี้ จบวันด้วยดี วันต่อไปเราต้องตื่นเช้าหน่อยเพราะจะขึ้นดอยอินทนนท์ เลยนัดให้ทุกคนมาทานข้าวเช้าที่โรงแรมเลยแล้วออกพร้อมกัน ปรากฏว่าทุกคนนอนไม่หลับ กว่าจะหลับกันตีสามล้วนเลยเคลื่อนตัวกันสายกว่ากำหนด มาดูห้องอาหารตอนเช้าก่อนดีกว่าค่ะ ห้องตกแต่งสวยมากเลยนั่งกันนานไปหน่อย ยิ่งล้อหมุนสายไปอีก 555
มุมอาหารที่นั้ไม่ได้มีเยอะแยะแต่พอเพียงและบริกรทำงานด้วยใจ พยายามทำทุกอย่างให้จนเราแทบไม่ต้องกระดิกเลยค่ะ
มุมสลัด
มุมน้ำต่างๆ ที่เด้ดคือน้ำผลไม้แยกาก ทำกันสดๆเลย
เราก็สั่งเหมือนเดิมทุกโรงแรมสั่งแบบนี้คือ ออมเล็ตใส่ทุกอย่างเพิ่มชีส
มีสั่งลาเต้ร้อนมาประกบการทาน 555
ทานเสร็จก็เคลื่อนตัวเลยเพราะเสียเวลากันมากแล้ว เราวิ่งตรงจากโรงแรม มีแวะซื้อกาแฟกันหน่อย ไซื้อกาแฟวาวีสาขาตรงริมน้ำปิง เจ้าประจำอีกสาขา เราชอบเชียงใหม่ตอนหน้าหนาวมากๆ มันสบายแบบไปไหนก็สบาย อยากนั่งเล่นดูน้ำดูวิวมันไปซะทุกที่เลย 555 แหม ออกนอกเรื่องไปไกลเลย กลับเข้าเรื่องดีกว่า เราขับรถขึ้นดอยอินทนนทื เท่าที่สังเกตุ หลายคนเช่ารถเล็กมาขับขึ้นดอย ซึ่งเป็นอันตรายและอยากเตือนว่าอย่าทำแบบนั้นเพราะเครื่องมันไม่แรงพอ รถมันจะคลานขึ้นไปช้ามาก แล้วรถข้างหลังที่ต้องอาศัยแรงเหวี่ยงหักขึ้นตามโค้งต้องมาเบรครถตามรถเล็กที่ปีนดอยไม่ไหว มันอันตรายมากจริงๆค่ะ บางทีรถติดกันเป็นแถวเพราะเจ้ารถรถที่ไม่มีแรงขึ้นพยายามคลานขึ้นแล้วไปก็ไปสลบกันกลางดอย ไปไม่ถึงต้องกลับรถกันเป็นแถว บางคันเดินไปข้างๆ กลิ่นเบรคไหม้แรงมาก เพราะงัเนจะใช้รถต้องดุการใช้งานด้วยค่ะ อย่าประมาท คิดว่าไม่ใช่รถเรา ฝืนๆขับไป ไม่ได้ค่ะ อันตรายทั้งเราและผู้อื่นค่ะ
บ่นซะเยอะ เราต้องการขึ้นดอยไปดูต้นพญาเสือโคร่งกันค่ะ แต่ขาไปขอเลยไปเยี่ยมชมเจดีย์สองเจดีย์ที่สร้างถวายแด่ในหลวงและราชินีกันก่อน เจดีย์นี้ผู้รู้แจ้งว่าสร้างบนฮวงจุ๊ยที่ดีที่สุดในประเทศไทย จึงใช้สำหรับที่จะเก็บพระอัฐิของทั้งสองท่านในอนาคต เป็นสองเจดีย์ที่หันหน้าหากัน อารมณืประมาณทัชมาฮาลเลยค่ะ ไปดูกันนะคะ
ขาขึ้นมีบันไดเลื่อนให้ค่ะ แต่ขาลงต้องเดินลงเอง ข้างในเจดีย์มีห้องโถงใหญ่ให้ไหว้พระ บางครั้งจะมีพระนำสวดด้วยค่ะ
หลังจากนี้เราไปจุดสูงสุดของดอยอินทนนท์กัน
อากาศบ่ายนี้อยู่ที่ 14 องศา ถือว่าไม่หนาวมากนะคะ เคยมาครั้งนึงอากาศ 0 องศาค่ะ
เสร็จจากนี้จะขึ้นดอยไปขุนวาง ระหว่างทางวิ่งขึ้นเรื่อยๆก็เจอรถเต่าที่ขึ้นดอยไม่ไหวเยอะมาก ทำให้รถติดเป็นแถวและรถข้างหลังก็ต้องเหยียบคะันเร่งกันมิด เพราะรถที่ขึ้นไม่ไหวปิดทางขึ้นไว้ แล่นๆไปก็เจอรถเต่าเหล่านี้ค่อยๆกลับรถถอยกลับลงดอย ไปกันไม่ถึงค่ะ เพราะตรงทางขึ้นบางที่มันแคบและชัน บวกกับคนมาเยอะ รถจอดข้างทางทำให้สวนกันยาก ข้างบนก็ติดกันอลเวงไปหมด 555 ดูรูปซิค่ะ รถแล่นมาเจอบบนี้ก็จอดข้างทางแล้วเดินต่อเลยค่ะ เพราะจะสวนไปก็ไม่ได้ รถจะสวนมาก็มาไม่ได้ เราจอดดีกว่า ให้รถคันอื่นสวนกันให้เรียบร้อย เดินไปกลิ่นเบรคใครไหม้เต็มไปหมด อันตรายจริงๆ เคยเห็นรถเบรคแตกแล้วไปคว่ำตอนลงเขามากับตาแล้วเลยไม่อยากเห็นอีก
เราไปถึงโครงการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี ระหว่างทางก็มีดอกพญาเสือโคร่งเริ่มบานแล้ว แต่ชาวบ้านบอกข้างบนๆยังไม่บาน ต้องรออีกสองอาทิตย์ เราเลยตัดสินใจว่าจะไม่ขึ้นไปต่อเพราะถนนและการจราจรคับคั่ง เกรงใจพี่แฟนเพื่อนที่ขับรถมาให้ แต่ถ้าเรามาคนเดียวรับรอง เจ๊ลุยต่อแน่นอน แต่อย่างว่ามากับคนอื่น ตามใจตัวเองมากไม่ได้เนอะ ก็ต้องหยวนๆไป เพราะเราจะไปทำเค้าลำบาก สังเกตุว่าหลังๆเราเที่ยว extreme จนกลายเป็นการเที่ยวกับคนอื่นๆไม่สนุกเท่าที่ควรอีกต่อไปแล้ว ออกจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ เพราะคนอื่นไม่ลุยเท่าเรา แค่นี้สำหรับคนอื่นว่าโอเคแล้ง สำหรับเรา มันไม่พอ เหมือนรถวิ่งกันคนละความเร็ว คนอื่นวิ่งไม่เกิน 80 เราวิ่ง 140 เราเลยออกจะอึดอัดแต่โดยมารยาทก็ต้องอดทนกันไป ถึงหลังๆไม่ค่อยอยากชวนใครเลย อยากเดินทางคนเดียวมากกว่า และได้เริ่มเกริ่นๆกับคนรอบตัวแล้วว่าปีนี้จะเป็นปีที่เคลียร์คิวการเที่ยวกะเพื่อนๆ หลังจากเคลียร์คิวเสร็จ ต่อไปจะเดินทางคนเดียวล้วนๆ ให้ได้ปลดปล่อยอิสรภาพกันมั่ง ขอพักเบรคการเที่ยวเป็นกลุ่มไว้อีกนาน มาดูความงามของต้นพญาเสือโคร่งกันดีกว่า พุดไปบ่นไปอยู่เรื่อย 555
ถนนที่น่าจะเป็นที่ถ่ายทำละครก่อนถึงโครงการอนุรักษ์ จะเห็นทิวแถวต้นซากุระเมืองไทยแล้ว คนเยอะมากจนแทบหาโอกาศถ่ายรูปไม่ติดคนติดรถได้เลย รถสวนมามีตลอด จะดดนรถเฉี่ยวกันก็หลายหน
ภายในโครงการอนุรักษ์
จากนี้เสร็จเราก็ลงดอยกัยค่ะ มีจุดมุ่งหมายคือ ถนนคนเดินท่าแพ เรามาที่นั้บ่อยเกือบจะทุกครีั้งที่มาเชียงใหม่ แต่คราวนี้ถือว่าคนเยอะมากจริงๆ แต่เพื่อนบอกว่าวันนี้ถือว่าน้อย เราสังเกตุว่า เราเคยมาเดินหลายปีก่อน คนต่างชาติยังไม่เยอะเท่านี้ แต่เที่ยวนี้คนต่างชาติเยอะมากจริงๆ เรามาทานอาหารค่ำกันที่นี้ ร้านข้าวต้มกลางเวียง คนเยอะกว่าเดิมเยอะ มีจัดคิวแล้วด้วย เสร็จมาเติมพลังงานด้้วยคาเฟอินกัน มีที่ถนนคนเดินด้วย พักเหนื่อย
เสร็จก็กลับโรงแรมพักผ่อนเพราะตื่นเช้านอนน้อยกันถ้วนหน้า วันรุ่งขึ้นวันสุดท้ายเราวางแผนตื่นกันตามสบาย เลยกว่าจะได้ทานอาหารคือ สิบโมงเช้า ดีที่โรงแรมให้ทานได้ถึง 11 โมงเลย สบายๆ แต่เราต้องเช็คเอาท์กันตอนเที่ยง เพราะจะไปร้านเปรมประชา เป็นร้านทำโอ่งไหแจกันเครื่องปั้นดินเผาที่สมัยก่อน คนต้องมาเก็บสะสมของร้านนี้เป็น collection เพราะงานสวย ละเอียด มีต่างชาติมาช่วยพัฒน่าแบบกันต่อเนื่องเพื่อทำส่งออก แต่มาพักหลังนี้ เราสังเกตุว่า การพัฒนาแบบไม่ค่อยมีแล้ว น่าจะเกิดจากเศรษฐกิจโลกไม่ดี ส่งออกนอกมั่ง อันนี้คือเดากันไป ของแจกัน โอ่งชิ้นใหญ่ๆก้ไม่ค่อยมีเท่าไร เราเลยไม่ได้ของติดมือส่งกลับมบ้านเลย
เสร็จจากนี้เราวางแผนจะไปทานเที่ยงและซื้อของฝากกลับบ้าน แต่เนื่องจากเพื่อนต้องกลับก่อนคนละไฟท์กับเรา เราเลยต้องตัดรายการของฝากออกไป เวลาไม่พอเหลือแต่ไปทานอาหารร้าน Nakara Jardin ทานกันตอนบ่ายสองกว่าๆ เสร็จก็หมดเวลา ต้องเอาเพื่อนไปส่งสนามบินตอนสี่โมงเย็น ร้านอาหารนี้ค่อนข้างโด่งดังเช่นกัน
มีวิวแม่น้ำปิงด้วยค่ะ
เอาเพื่อนไปส่งสนามบินเสร็จ เป็นอันจบทริปเชียงใหม่ เราก็ขับรถเล่นไปมาซักพักรอเวลาเช็คอินของตัวเองเช่นกัน ขอจบทริปอย่างเป็นทางการเลยค่ะ เจอกันคราวหน้า น่าจะเป็นทริปลาว เวียงจันทร์ค่ะ บ๊ายยยยยย