วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Family trip at Chiang rai

เดือนวันพ่อนี้ เราตกลงกันว่าจะพาพ่อไปเที่ยว สรุปตกลงกันได้ว่าไปเชียงรายเพราะอยากไปที่เย็นๆ แต่พ่อไม่อยากนั่งรถนานวึ่งก็จนใจ เพราะไปเชียงรายยังไงก็ต้องนั่งรถ คุยๆไปคิดว่า ลองดุ เราเลยจัดการจองตั๋วจองรถจองโรงแรมสำหรับทุกคน หวังว่าจะสนุกกัน

วันเดินทางเราเดินทางด้วย Bangkok Airway เป็นครั้งแรกที่บินสายการบินนี้ คิดว่า ดี พนักงานสุภาพและพร้อมจะช่วยเหลือ เพราะเรา request wheel chair ให้พ่อด้วย ใน lounge ก็มีของทานเล่นให้ทานกับสารพัดน้ำดื่มเย็นร้อน นั่้งมาลงสนามบินแม่ฟ้าหลวง มีรถตู้มารับ ที่แรกที่ไปคือ วัดพระแก้ว ขอไปไหว้พระก่อนเป็นสิริมงคลค่ะ





มีประวัติวัดให้อ่านด้วยค่ะ วัดนี้สะดวกเพราะอยู่กลางเมืองเลย


เสร็จจากวัดแล้วเราไปสิงค์ปาร์คต่อเลยนะคะ เพราะต้องไปซื้อตั๋วนั่งรถรางเที่ยวในไร่ ซึ่งเราไปถึง 11 โมงได้ตั๋วรอบบ่ายโมงครึ่ง เลยทานข้าวเที่ยวรอกันเพราะเช้าทานกันมาน้อยมาก ร้านอาหารที่นี้ชื่อ ภูภิรมย์ อาหารนานาชาติ รสชาติใช้ได้ ทานแกล้มอากาศแกล้มลมไป 555


มีวิวไร่ชาล้อมรอบเลย มาเที่ยวนี้รู้สึกต้นไม้อะไรไม่สวยมากเท่าปีที่แล้ว  น่าจะเพราะแล้งขาดน้ำหรือเปล่าไม่รู้ คิดมโนไปเอง


อาหารเราสั่งอาหารเหนือมาทาน แล้วมีอาหารจานเด็ดของร้านคือขาหมูเยอรมันด้วยค่ะ อาหารเหนือเผ็ดไปหน่อย ทากันปากชาลิ้นชาเลยเชียว 555



ยำใบชา อีกจานที่ขึ้นชื่อ


แกงฮังเล


ทานเสร็จมารอรถรางด้านล่าง เค้าจะมรประกาศเป็นรอบๆพร้อมเน้นย้ำหลาบครั้งจนไม่คิดว่าจะมีคนลืมขึ้นเลยเลยเชียว 555 รถที่นี้จะพาไปเที่ยวเป็นจุดๆ สามจุดแล้วเวียนกลับที่เดิมค่ะ จุดแรกหยุดดูสวนผัก สวนอะไรต่างๆ


ไปจุดที่สองให้เรามาเล่นกับยีราฟ ม้าลาย


จุดที่สาม พามาตรงจุดชมวิวหน้าร้านอาหารภูภิรมย์ จุดถ่ายรูปที่ทางไร่บอกว่าสวย


เสร็จพากลับมาจุดเดิมที่เราขึ้นรถ ถ้ามาช่วงหน้าหนาว ต้องเผื่อเวลาไว้เพราะตั๋วรถจะเต็มเร็วมากค่ะ
มาแล้วอาจจะไม่ได้นั่ง ถ้าไม่จองก่อน เสร็จจากไร่นี้เราไปหาอะไรทานเล่นกันก่อนเข้าโรงแรมค่ะ เราไปร้านสวยๆชื่อ Melt in Your Mouth กันค่ะ ร้านนี้ชื่อเสียงโด่งดัง ใครมาเชียงรายต้องแวะกันทุกราย




เราสั่งขนมมาลองชิมกัน



กาแฟที่นี้ขอบอกว่า อร่อยจริงๆ 


โอเค ร้านนี้ประทับใจ ขนมอร่อย กาแฟเด็ด วิวสวย ติดแม่น้ำกกด้วย หลังจากอิ่มกันแล้วก็เคลื่อนย้ายเข้าโรงแรมเพื่อเช็คอิน นอนผึ่งพุงรอออกมาทานข้าวเย็นกันค่ะ โรงแรมเราชื่อ Le Meridien Chiang rai โรงแรมตั้งอยู่ในเมืองซึ่งสะดวกมาก มาที่นี้ทุกปีสามปีติดแล้ว เสียแต่ตอนเช็คอิน ขลุกขลักเพราะโรงแรมไม่มี free wifi เราต้องจ่ายเพิ่มเอง โรงแรมบอกเพราะเราจองผ่านอโกด้า ใครจะจองโรงแรมผ่านอโกด้า ควรทราบไว้ ถึงคนเดินทางทุกท่านจะมีสมาชิก Starwood  ซึ่งสิทธิ์ที่ติดว่าคือให้สมาชิกใช้ Wifi ได้แต่นางก็ไม่ให้ แถมเราขอ Late check out วันอาทิตย์ ให้คุณพ่อห่องนึงก็ไม่ให้ เราพักกันสึ่ห้องสามคืน ขอห้องเดียวซึ่งเป็นห้องใหญ่ พนักงานบอกว่าราคาห้องถูกแล้ว เราเลยปรี๊ดแตกเลย สุดท้ายผู้จัดการบอกจะให้ใช้ wifi ฟรีแต่บอกราคาด้วยนะว่าวันนึงต้องสี่ห้าร้อย เฮ้อ กลุ้มใจกับนาง จริงๆ มาดูโรงแรมกันดีกว่า โรงแรมนี้สวยค่ะ ถ้าไม่นับ attitude แย่ๆขอพนักงานและผู้จัดการ เสียเงินแล้วอย่าให้เสียอารมณ์


บรรยากาศภายนอก มาตอนแดดหมดแล้วรูปเลยอาจจะมีไม่ชัดบ้างค่ะ





ทางลงท่าน้ำ แม่น้ำกก


มีร้านอาหารอิตาเลียนซึ่งเราจะได้ทานกันมื้อนึงค่ะ และมีบาร์ริมแม่น้ำและสระว่ายน้ำด้วย


มาดูห้องนอนกันค่ะ ถือว่ากว้างขวางใหญ่ดีนะคะ




พัเล็กๆในโรงแรมแล้วออกมาทานอาหารเย็นที่ร้าน ลีลาวดา เป็นร้านอาหารไทย มีเพลงสมัยเก่าๆร้องสดให้ฟัง ร้านนี้ถ้ามาเย็นศุกร์เสาร์ ควรจองโต๊ะไว้ก่อน ไม่งั้นจะรอนานมากนะคะ  โชคดีเราเป็นมวย จองไว้ก่อนแล้วเลยได้โต๊ะริมน้ำ อาหารที่นี้ือว่าอร่อยแต่ดันลืมถ่ายรูป อาหารมาก็ทานกันอย่างหิวโหย รู้ตัวอีกทีก็หมดจานแล้วค่ะ

มาวันที่สอง ขอทานอาหารเช้าก่อนเพราะวันนี้ต้องเดินทางไกลและทางทรหดคดเคี้ยวไปดอยแม่สลอง แต่ทิวทัศน์ตามทางขอบอกว่าสวยมากๆค่ะ 

มีกาแฟเย็นทำมาให้เสร็จเลยค่ะ


มุมซาลาเปา หนมจีบและข้าวต้มหมู


มุมขนมปัง

ใครชอบทานน้ำผึ้ง เอาไปเลยทั้งรังค่ะ สดมากๆ


ขนมเปลี่ยนเมนูทุกวันค่ะ


เราวางแผนไว้ว่าระหว่างทางไปดอยแม่สลองจะพาพ่อแวะไปเยี่ยมเจ้าของรีสอร์ตชื่อ ภูใจใสในฐานะ คนคุ้นเคยสมัยเก่าๆที่พ่อเคยรู้จัก ทำให้พ่อดีใจได้คุยกับคนเก่าๆมั่ง รีสอร์ตที่นี้เน้น slow life และทุกอย่างคือ organic ค่ะ รีสอร์ตอยู่บนเขาสูงที่เจ้าของเป็นหญิงใจเด็ด มาลุยสร้างไว้นานแล้วตั้งแต่ยังเป็นป่า จนเป็นรีสอร์ตชื่อดัง เน้นธรรมชาติมากๆ ใครชอบเงียบๆอยู่กับธรรมชาติ ควรมา 



มาแล้วจะเจอปังปอนด์อกมาสวัสดีต้อนรับ ปังปอนด์เป็นงานมากค่ะ ตัวใหญ่มาก ท่านเจ้าของรีสอร์ตเล่าว่ามันมีพี่น้องที่ได้ถวายท่าน ว. วชิรเมธี ที่ไร่ทานตะวันไป ท่าทางน่าจะเป็นเจ้าหมาแฮ๊ปปี้ที่วิ่งตามท่าน ว ตลอดแน่เลย


มาแล้วก็ต้องชิมขนมและกาแฟซักหน่อย



ถือว่าใช้ได้ ทานกับบรรยากาศเย็นๆสบายๆ  เสร็จจากที่นี้แล้วเราก็ไปดอยแม่สลองกัน วิวภูเขาตลอดทางสวยมาก เพราะเห็นเป็นหุบเขาลึกตลอดทาง แล่นมาได้พักนึงก็แวะทานอาหารกลางวันกันที่ ดอยหมอกดอกไม้รีสอร์ต ที่นี้ดอกไม้สวย วิวสวยมาก วิวที่ร้านอาหารก็สวยค่ะ



มาดูอาหารกันค่ะ มาดอยแม่สลอง อาหารขึ้นชื่อที่ต้องลองคือขาหมู หมั่นโถ มีเสริฟเป็นโถกับจานนะคะ ถ้าโถไม่ไหว เป็นจานก็ได้ค่ะ พนักงานมักจะขายเป็นโถแต่ไม่ยอมบอกว่ามีจานเล็กค่ะ


ข้าวผัดเห็ด เห็ดเป็นเมนูต้องลองอีกเมนูนึงค่ะ


ผัดผัก


เมนูธรรมดาแต่สุดอร่อยตอนเดินทาง ไข่เจียว 555


มาดูวิวจากร้านอาหารกันค่ะ สุดยอดวิวจริงๆ เห็นหุบเขาทั้งลูกเลย ที่นี้มีรีสอร์ตด้วยค่ะ ราคาไม่แพงมาก เผื่อใครอยากจะมาใช้บริการ


ออกจากร้านของคาวแล้ว เราต้องมาหยุดทานของหวาน กาแฟล้างปากกัน  เราไปที่ร้าน Sweet Maesalong


ที่นี้เก๋ตรงที่ ใครมาต้องมานั่งม้านั่งห้อยขาดูวิวกันค่ะ เป็นวิวหุบเขาสวยๆค่ะ 

กาแฟ ขนมร้านนี้ก็ใช้ได้นะคะ


แต่พอดีวันที่ไปมีกลุ่มคนเยอะและเสียงดังมาก เราเลยย้ายร้านเดินข้ามไปทานชา ร้านนี้ชื่อ หอมหมื่นลี้ ชื่อก็บอกว่าว่าขายชาอะไร และก็หอมจริงๆ แถมค้นพบว่าร้านเงียบดีแถมวิวสวยกว่ามากค่ะ 


แพคเกจจิ้งก็คิดว่าอย่างดี สวยเหมือนของเมืองนอกเลย


วิวหุบเขาไม่มีอะไรมาบัง


เสร็จจากที่นี้เรานั่งรถขึ้นไปดูตลาดชาข้างบนดอยแล้วนั่งรถกลับ ทางค่อนข้างคดเคี้ยวทั้งขาไปและกลับ ใครเมารถ ควรทานยาไว้นะคะ วันนี้กลับมาถึงโรงแรมให้พ่อพักยาวหน่อย เก็บแรงไว้วันหลังๆ เลยทานอาหารโรงแรมกัน  อาหารอิตาเลียน ใช้ได้ทีเดียว มาดูกันค่ะ  ร้านบรรยากาศดีเพราะอากาศเย็นและอยู่ริมน้ำ เริ่มต่นด้วยสลัดกุ้งใส่ balsamic dressing อร่อยจนต้องขอซ้ำอีกจาน มีอะโวคาโดสดมากค่ะ


จานสองเป็นเป็นสารพัดแฮมต่างๆทานกับเมล่อน


จานต่อไปเป็นเนื้อวากิว นุ่มพอเหมาะ

ต่อไปเป็นปลาแซลมอน

สุดท้ายเป็นสปาเก็ตตี้ อร่อยมาก เส้นกำลังพอดี


จบจากอาหาร ทางโรงแรมมีจุดที่ผิงไฟให้ด้วยค่ะ ให้นั่งเล่นเพลินๆ


วันรุ่งขึ้นวันที่สาม  เราวางแผนไปไร่ชาฉุยฟงกันค่ะ แต่ขอแวะทานกาแฟตอนเช้ากันก่อน  เราแวะร้านใกล้โรงแรมชื่อ Eat Play Sleep ร้านน่ารักมากและมีห้องนอนให้นักท่องเที่ยวเช่าด้วยค่ะ



เสร็จจากนี้ก็ไปไร่ชากันเลยค่ะ ชื่อไร่ชาฉุยฟง ไร่ชานี้ดังมากจากละครช่องสามชื่อ มุจจุราชสีน้ำผึ้งที่เคนแสดงค่ะ  หลังจากนั้นมีคนตามรอยกันมาตรึม



ดูชาดกันอยู่ดีๆ พ่อแอบไปสั่งขาหมูมาทานซะงั้น 555 เลยสั่งชามาด้วย


ขาหมูที่นี้ชอบใส่เครื่องยาจีน  ใครไม่ชอบอาจรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย

เรา่ายรูปนั่งรับบรรยากาศมาซักพักก็เดินทางต่อไปยังวัดร่องขุ่นแต่เสียดายวัดปิดสองวัน เลยเดินทางกลับให้พ่อได้พัก ลุยต่อตอนเย็นที่ถนนคนเดินค่ะ พักกันสามชั่วโมงก็ออกมานั่งรถตู้ให้วนหาร้านข้าวต้มใกล้ถนนคนเดินก็ได้ร้านนี้ คนเยอะดี  อาหารอร่อยด้วยค่ะ มะระผัดไข่เอารางวัลไปเลย อร่อยค่ะ





จานนี้ก็อร่อย


ทานกับข้าวต้มร้อนๆ


เสร็จก็ลุยเลย ถนนคนเดินที่นี้ถนนเล็กกว่าถนนคนเดินท่าแพ เชียงใหม่ครึ่งนึง  อาหารขนมเยอะมาก แบ่งร้านเป็นโซนของทาน เสื้อผ้า ของใช้ค่ะ  ประทับใจตรงมีเวทีลีลาศด้วยและทุกคนที่มาสามารถเต้นได้ตรงจังหวะเป็นหลุ่มใหญ่เลย  ใครมาแวะมาดูนะคะ

วัดสุดท้าย หลังจากคืนก่อน พ่อเดินเยอะมาก เลยให้ตื่นสายหน่อย  เราไม่มีแผนอะไรมากนอกจาก ไปทานและหาร้านนวดให้พ่อ เลยพาไปบ้านดำ อาจารย์ถวัลย์ก่อน ที่นี่ไม่เก็บเงินค่าเข้าค่ะ เดินเข้ามาดูกันได้ แต่ถ้าอะไรที่เค้าติดป้าย ห้ามจับ  กรุณาอย่าจับค่ะ เพราะนักท่องเที่ยวเคยทำเขาควายอาจารย์หักมาแล้ว 




เสร็จจากนี้ก็รีบหาร้านนวดเท้าให้พ่อเพราะพ่อไม่ไหวแล้ว วันสุดท้ายเหนื่อยมาก เลยพามาที่ร้านชีวิตธรรมดา ที่นี้มีสปาค่ะ เราจะได้เลืกได้ ใครอยากนวดก้ไปทางนึง  ใครไม่อยากก็มานั่งทานหนมดูวิวกินบรรยากาศไป






ที่นี้อาหารและขนมก็อร่อยค่ะ  ขนมแนะนำ เค้กมะพร้าว  น้ำก็น้ำบ๊วยปั่น


อาหารมีข้าวผัดที่เอาแหนมมาผัดกับน้ำพริดหนุ่ม ทานกับหมูฝอยและกากหมู  เมนูนี้เด็ดมาก  ต้องลอง อีกเมนูคือ หมี่ยำ แต่เป็นหมี่ยำไฮโซค่ะเพราะมีปูนิ่มมาด้วย 555 หมี่ยำหาทานยากนะคะ ปกติจะต้องไปเดินหาตามถนนคนเดิน


จบจากนี้เราก็รอเวลาขึ้นเครื่องกลับกัน เป็นอันจบทริปการเดินทางนี้นะคะ รอดูทริปต่อไปคือโตเกียวค่ะ ไปแล้วค่ะ บ๊ายยยย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น