วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2559

ประทับใจอบอุ่นกับอังกฤษ (ตอน 2)

ออกจากเยอรมนีมาด้วยความดีใจ เรานั่งยูโรสตาร์มาลงที่บรัสเซลล์ เพื่อมาเปลี่ยนขบวนรถที่นี้ไปลอนดอน อาหารที่เสริฟบนรถดีงาม ทำให้หายหิวได้เลย เพราะเราออกเช้ากันมากจนไม่มีอะไรรองเท้า มีแค่กาแฟร้อนกับครัวซองค์นิดหน่อยซึ่งยืนซื้อข้างคนบ้า (อีกแล้ว) 555

มาหยุดที่บรัสเซลล์ เลยออกมาเดินเล่นหาของทานแต่ร้านปิดหมดเพราะเรามาเช้ามากไป 555


ตอนเช็คอินที่นี้ เราจำเป็นต้องต่อแถวผ่านด่านตรวจคคนเข้าเมืองของอังกฤษนะคะ เป็นลุงแก่ๆท่าทางใจดี ชวนคุย ไม่เย็นชาและทำให้เราเครียดเลยค่ะ



กลับไปหาอะไรทานแล้วเดินทานต่อ ขึ้นรถไฟก็มีอาหารมาเสริฟให้ถึงที่พร้อมขนมและน้ำแร่ สุขใจจริงๆ อาหารมีให้เลือกสองสามอย่างขึ้นกับเรา เราเลือกอะไรที่ดีต่อสุขภาพบ้างนะคะ


นั่งรถไฟไปซักพักก็ถึงสถานี St. Pancras ที่ลอนดอน


เสร็จก็เรียก london cab ไปโรงแรมเลย โรงแรมที่เราจะพักอยู่อีก 8 วันต่อจากนี้ชื่อว่า Fraser Suite Queen Gate เราจองมาเป็น 2 bedroom suite คิดว่าเดี๋ยวนี้อายุมากขึ้น ไม่สะดวกที่จะมานั่งพักร่วมกับใครโดยเฉพาะทริปยาวๆแบบนี้ หนูไม่ไหว บอกตรงๆ 55 อายุยิ่งมาก เรื่องยิ่งเยอะ ความสันโดษก็เยอะตามอายุ อุ๊ปปปปส์

ห้องที่จองมาค่อนข้างใหญ่เหมือนอยู่คอนโด มี facilities ทุกอย่างครบหมด ทั้งครัวที่ทำอาหารได้จริงๆ อุปกรณ์ดีเด่นมาก ประทับใจ แถมมียิมให้ด้วยและที่สำคัญคือเดินไปสถานีใกล้ของใกล้ คือใกล้มากๆและรอบสถานีก็มีสตาร์บัค มี Paul มี Waitrose และ Tesco express คืออย่างสะดวกมาก ที่สำคัญคือ นางส่งอีเมล์มา greeting และเชื้อเชิญว่าถึงมาตอนเช้าก่อนเวลาเช็คอิน  ถ้าห้องว่าง นางขอเชิญเข้าได้เลย ไม่เหมือนโรงแรมที่มิวนิค ต้องทิ้งกระเป๋าไว้ พอถามทางไปที่ท่องเที่ยว นางบอก ออกไปเลี้ยวซ้าย ที่เหลือกรุณาไปหาทางไปเอง นางไม่เกี่ยว อย่ามายุ่งกะนาง (อันนี้เดาเอาจากพฤติกรรมนาง) ฮาๆๆ  เราคิดว่าเราได้โรงแรมประจำแล้วสำหรับทุกครั้งที่มาลอนดอน 555

ด้านหน้าโรงแรม เงียบสงบ เรียบร้อยและ น่าอยู่


ถนนหน้าโรงแรม


ภายในห้อง








ห้องน้ำอย่างดี ใช้สบู่ ครีมของ L'Occitane ทุกอย่างพร้อมพรั่ง

พอมาถึงเช็คอินโยนกระเป๋าเข้าโรงแรมก็เริ่มภารกิจเลย เพราะเราต้องไปที่ Matlby Street Market ซึ่งจะเปิดเสาร์และอาทิตย์ถึงสี่โมงเย็นเท่านั้น และเวลาที่เราจะไปได้ก็ต้องเป็นสันนี้เท่านั้นเพราะวันอื่นติดคิวแล้ว ตอนจะออก พนักงานโรงแรมก็บริการเต็มที่หาสถานที่ บอกวิธีเดินทางใหญ่โต โอ๊ยยยย ดีงามค่ะ

ตลาด Matlby Street Market นี่เริ่มๆมีคนรู้จักมากขึ้น พนักงานโรงแรมเองไม่รู้จัก แต่เรารู้จักและอยากไปเพราะมันดูแตกต่างจากตลาดอื่นดี ขนาดไม่ใหญ่โตค่ะ ขึ้นจากสถานี London Bridge แล้วต้องเดินไปอีก 15 นาทีนะคะ พอไปถึงตลาด ฝนเจ้ากรรมเริ่มลงเม็ด ฝนดันตก และตกไปเรื่อยๆไม่มีวี่แววหยุด แต่เราลุยต่อค่ะ ไม่หวั่นแม้วันมามาก 555 พอมาถึง ตลาดเริ่มปิดแล้วนะคะแต่ร้านหลายร้านยังอยู่


ร้านนี้น่าทานมากขายวาฟเฟิลคาวหวาน


แต่เรามาเสร็จเจ้านี้ ขนมไต้หวัน เป็นแป้งทาหน้าต่างๆโรยถั่วตัด  อร่อยใช้ได้เลยค่ะ


ที่นี้ฝนตกมากขึ้นเรื่อยๆจนเดินไม่ได้แล้ว ต้องหนีเข้าร้านทานกาแฟรอ ร้านนี้โดยบังเอิญคือร้านที่อยู่ในรายการต้องมาเยี่ยมชมเพราะมีชื่อทางโดนัสคัสตาร์ด แต่นางก็ขายอาหารด้วยนะคะ ชื่อ St. John นางมีหลายสาขาด้วยคะ ที่ประทับใจคือเต้นท์ฝั่งตรงข้ามชื่อ The Gay Farmer ขายไรไม่รู้เพราะปิดไปก่อนแล้ว 55 ทีนี้บางครั้งจะมีคนเอากาแฟไทย ชาไทยมาขายด้วยนะคะ




จบจากตรงนี้ก็ขอไปทานอาหารจีนก่อนเลยค่ะเพราะเลี่ยนอาหารอิตาเลี่ยนและอาหารเยอรมันมากถึงมากที่สุด เราวิ่งไป Four Season เจ้าเดิมที่ Bayswater ก่อนเลย หิวโหยมากๆ


บรรยากาศในร้านดูวุ่นวายมาก คนแน่นค่ะ เจ้าของร้านดูเป็นเจ้าแม่มาก นั่งรอคิวก็มีคุณลุงคุณยายหันมาคุยด้วย อบอุ่นมากค่ะ


เป็ดที่นี้คอนเฟิร์มว่ารสชาติต่างจากสาขาเมืองไทยนะคะ เหมือนเป็ดจะมีไขมันมากกว่าและอร่อยกว่า  ใครรู้สึกเหมือนเรามั่งมั๊ย




วันรุ่งขึ้น เราตัดสนใจไป Bicester village outlet กันค่ะ แต่ก่อนไปต้องหาอะไรรองท้องตอนเช้าก่อน ตอนแรกเราจะไปร้านประจำชื่อ Muffin man ตรง High Street Kensingtonแต่นางปิดค่ะ เรามาเร็วไปเลยต้องย้ายไปอีกร้านนึงชื่อ Bills ซึ่งเราประทับใจร้านนี้เช่นกัน มาทีไร พนักงานน่ารักทุกที



อาหารเช้าจานยักษ์มากๆ โอ๊ยยยยยย!




ทานเสร็จเดินทางเลย  เราต้องมาสถานี Marlybone นะคะ เพื่อซท้อตั๋วและขึ้นรถไฟที่นี้ไปลงสถานี Bicester Village มาคราวนี้ outlet เปลี่ยนทางเข้าออก สมัยก่อนเราต้องนั่งรถไฟไปลงแล้วนั่งบัสต่อไป แต่ตอนนี้ด้วยวิสัยทัศน์และความเก่งของผู้บริหาร นางจัดการเปลี่ยนทางเข้า ทำห้องเล้าท์และมีพนักงานต้องรับมาแนะนำตรงทางลงสถานีเลยค่ะ สุดยอดการบริการของแท้ ที่สำคัญคือ นางถามว่ามาจากโรงแรมอะไร พอเราบอกชื่อไปพร้อมโชว์ key card นางให้บัตรลดเพิ่ม 10% ,มาให้เลย ดีงามมากค่ะ สุดประทับใจ บัตรลดนี้ได้เอามาใช้ลดชุดของ Marc Jacobs ในตอนหลัง ประหยัดไปเยอะเลยค่ะ หน้าตาบัตร VIP card



มาดูทางเข้าใหม่และบรรยากาศที่สวยขึ้นกว่าเดิมกันค่ะทางเข้าใหม่เป็นแบบนี้ค่ะจากสถานี




บรรยากาศภายใน สวยขึ้นกว่าเดิมเยอะ ทำได้ดีกว่าเดิมเยอะค่ะ



มีร้านรองเท้าอิตาลี Super Ga ด้วย ใครเป็นติ่งเกาหลีจะเห็นดารานักร้องใส่กัน เราซื้อมาให้เค้าเพ้นต์สีได้ด้วยนะคะ แต่ส่วนตัวชอบสีขาวเนียนๆมากกว่าค่ะ


มาที่นี้ทีไรได้ของติดมือกลับบ้านทุกที ผู้บริหารนางเก่งจริง ตอนขากลับ นางมาห้องรับรองให้นั่งรอรถไฟ มีพนักงานมาดูแลสุภาพมากและมีจอตารางรถไฟบอกทุกขบวน ใครจะไปไหนพนักงานจะมาดูแล สุดยอดบริการได้ใจสุดๆค่ะ

เสร็จจากช๊อปปิ้งก็หอบข้าวหอบของ บ้าหอบฟางมาก เอาไปเก็บที่โรงแรมก่อน แล้วไป Harrods ต่อด้วยถนน Oxford และ Regents กันต่อเลยเพราะคูณเพื่อนมีประชุมวันพรุ่งนี้และจะไม่มีเวลาซื้อของ เราต้องทำเวลาค่ะ 555 ที่ Harrods นี่เราจะกลับมาเองอีกทีหลัง เราต้องเที่ยวคนเดียวอีกหลายวันตอนเพื่อนไปประชุม งันหลังๆค่อยมาคุยเรื่อง Harrods กันละกันค่ะ

มาเดินเล่นที่ Regents, Bond, New Bond แล้วก็ Oxford  อดคิดไม่ได้ว่าสมัยเป็นนักเรียนที่นี้ มีความสุขแค่ไหนตอนมาเดินเล่นหาของกินของซื้อที่นี้  เดินแบบไม่เหน็ดเหนื่อยเลยทีเดียว :)

ถ้ามาถนน Oxford ตอนนี้ แนะนำให้มาทานวาฟเฟิลเบลเยี่ยมชื่อ Wafflemeister ค่ะ เราลองซื้อทานดู อร่อยมากจริงๆ วางไม่ลง ทานหมดอันเลยค่ะ ตอนเราไป คนต่อคิวเยอะมาก แต่วันหลังมีไปย้ำ คนน้อยลงเยอะในวันธรรมดาค่ะ



ซื้อของเสร็จบอกได้คำเดียวว่า เหนื่อยสุดๆ น่าจะเพราะเดินทางไม่หยุดมาอาทิตย์นิดๆ เดินเยอะมาก นอนน้อยมาก เราไปหาอาหารเย็นตรงถนน Regents เป็นร้านอิตาเลี่ยนที่ได้ Award-Winning และเป็นที่โด่งดังในสังคมมาก ชื่อว่า Cichetti เจ้าของร้านจะเดินไปมาพูดคุยกับแขกอย่างสนุกสนาน แขกที่มาก็คุ้นเคยกัน คุยกันอย่างกะเป็นเพื่อนมานานปี 555 ใครอยากมาต้องจองโต๊ะก่อนนะคะ ไม่งั้นอาจจะไม่ได้ทาน ร้านคนแน่นมากค่ะ แต่ล่าสุด นางมีสาขาที่กรุงเทพด้วยนะคะ ดูรูปที่นางถ่ายกับเซเลปทั้งหลายซิค่ะ


อาหารใช้ได้ทีเดียว แต่จะมาเป็นจานเล็กๆนะคะ ร้านจะอธิบายว่าเป็นสไตล์เฉพาะของร้านที่ต้องการเสริฟ์จานเล็กๆ คนนึงมุ่งหมายว่าควรทาน 4-5 จานเป็นอย่างน้อย แต่เราไม่ไหวแล้วค่ะ เหนื่อยมาก ตาจะปิด สั่งกันมา สามจานพอแล้ว




วันนี้เป็นวันที่ 3 ที่อยู่ที่อังกฤษและเป็นวันแรกที่เราจะได้เที่ยวคนเดียว เพราะคุณเพื่อนไปประชุมเมืองอื่น กว่าจะกลับก็พอดีเกือบกลับเมืองไทย  เรารวางแผนจะออกนอกเมืองเกือบทุกวัน  มีแค่บางวันจะมาซื้อของในลอนดอน วันนี้จะเป็นวันเที่ยวลอนดอน ไปดู Tower of London ที่เราไม่ได้มาตั้งแต่สมัยเรียนที่นี้เพราะงกตั๋วเข้าชม 10 ปอนด์ 555

วันนี้เราตะเวนไปทั่วตามใจฉัน มาดูกันว่าไปที่ไหนบ้างนะคะ เพราะไม่ได้วางแผนเป็นเรื่องเป็นราว แต่รู้ว่าจะเที่ยวเล่นในลอนดอน แล้วแต่เท้าพาไป

เราเริ่มต้นที่แรกคือหาอาหารเช้าทาน เราไปร้านประจำ Muffin Man ที่วันแรกมาแล้วปิดใส่เรา 555 มาที่นี้ต้องทานชุด Muffin กะ ครีมกะแยมนะคะ อร่อยมากๆ ทานร่วมกับชาอังกฤษ บรรยากาศร้านจะเล็กๆ โต๊ะนั่งเบียดๆกัน เข้าไปแล้วหาโต๊ะนั่งเลยนะคะ




ชาอังกฤษอร่อยดีคะ


วันนี้เราขอสั่งอะไรที่เป็นโปรตีนนะคะ เพราะเราต้องเดินเยอะ กล้ามเนื้อใช้เยอะ


ทานเสร็จคิดว่าไปเดินเล่นแถวๆ south bank ก่อนดีกว่า ย่าน South bank เปลี่ยนแปลงไปเยอะมากๆ มีตึกสูงมีห้างขึ้นมาเยอะกว่า 10 ปีที่แล้วจนจำแทบไม่ได้เลย

 เริ่มด้วยไปดู London Eye เดินไปตามริม river walk หรือ Queen Walk เดินไปเรื่อยๆ ดู  Big Ben ดูชีวิตคนและนักท่องเที่ยวซึ่งเยอะมาก และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยดีมากรวมถึงคอยกำกับรูปถ่ายให้ด้วยคะ 555





ริมแม่น้ำ จะมีคนมาทำกิจกรรมต่างๆ การปั้นทรายก็เป็นหนึ่งในนั้น


เราเดินไปเรื่อยๆ จากนี้ตรงๆเรื่อยๆก็จะไปถึง Borough Market เป็นตลาดสดที่ค่อนข้างแปลก Unique ควรค่าที่ต้องมา จริงๆแล้วเรานั่ง Tube ไปลง London ฺฺBridge ได้ เดินต่อนิดเดียว แต่ด้วยความบ้าของหญิงไทย มาแล้วต้องเก็บเกี่ยวบรรยากาศ เราเดินซิค่ะ นี่ถ้ามากับเพื่อน จะไม่ได้เดินแบบนี้นะคะ คงต้องหาแท๊กซี่หรือ รถไฟให้ เพราะเดินไปประมาณ 30 นาที 555

เอารูป London Bridge  มาให้ดู มันเล็กมากนะคะ แต่มาทีไรต้องร้องเพลงนี้ตลอด London bridge is falling down falling down falling down 555


เราเดินมาเรื่อยๆ แวะพักทานหนมบ้างทานกาแฟบ้าง พักนึงก็มาถึงตลาดค่ะ น่าสนใจมากจริงๆ






ตลาดมีสองส่วน ส่วนนึงคือเป็นร้านๆแบบนี้ อีกส่วนคือให้คนมาวางโต๊ะขายอาหาร กาแฟเครื่องดื่มต่างๆ  มีผัดไทยไปขายด้วย ขายดีเชียว

จบจากเดินตลาด เรานั่ง Tube ไปที่ Tower Hill ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Tower of London ที่นี้ใครไม่เคยมาลอนดอน ควรต้องมาเพราะเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ เรามีหนังฮอลลีวู๊ดเอาประวัติไสร้าหลายเรื่องเชียว ขึ้นมาจากสถานี เดินมาหน่อยจะเห็นตัว tower นี่แต่ไกล





ทางเดินภายใน ที่นี้แบ่งเป็นหลายส่วนมาก เวลาเข้าไปจะมีแผ่นที่ให้พร้องประวัติ  Tower แห่งนี้ผ่านกาลเวลามานาน จากเป็นป้อมปราการที่พัก ถูกเอามาทำเป็นที่คุมขัง มาเป็นที่เก็บเพชรนิลจินดาราชวงศ์ ผ่านสงครามโลก จนมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเหมือนทุกวันนี้


เราเดินไปดูห้องเก็บอาวุธ ห้องเก็บเครื่องทรมานนักโทษ ห้องเก็บมงกุฏของคิงและควีนต่างๆซึ่งใช้เวลาที่นี้ได้นานเชียวค่ะ อีกาสำหรับราชวงศ์คือสิ่งโชคดีที่คอยดูแลค่ะ


อันนี้เป็น Water gate ที่โด่งดังในหนังแอน โบลีน ควีนที่โดนตัดหัว



เดินเล่นทั้งวัน มานั่งกินไอติมตูดเป็ด อากาศดีมาก นั่งชิลๆไปได้เรื่อยๆจริงๆค่ะ




จบจากการเดินสำรวจที่นี้ เราจะไปหาafternoon tea ทานและเดินช๊อปปิ้งที่  Regents กับ Oxford ค่ะ ตามแผนคือต้องการสอยกระเป๋าเดินทางเพิ่มอีกใบเพราะของที่ซื้อมาเยอะจนต้องออกลูกกระเป๋าอีกใบ แต่เราขอมาพักขาพักเหนื่อยที่ร้านคาเฟ่ของห้าง Selfidge's ชื่อร้าน Dolly's ก่อนค่ะ คนแน่นร้านมาก ต้องรอคิวนานเลยค่ะ สังเกตุว่ามาลอนดอนเที่ยวนี้คนมาเที่ยวมากจริงๆ



ขนมน่าทานทั้งนั้นเลยค่ะ


เราเลือกของชอบของเราคือ Scone with clotted cream and jam เป็นเมนูประจำตัวเลยก็ว่าได้ 555 ทานกับชาอังกฤษ เลิศค่ะ


พักเหนื่อยแล้วไปแอบดูกระเป๋า Rimowa ที่ไม่ได้ซื้อที่เยอรมัน เพราะไม่ได้อยากได้อะไรมากมายนักแต่มาถึงอังกฤษ ปรากฏข้าวของโผล่ออกลูกมาตรึม เลยต้องลากสังขารไปซื้อ แต่โชคดีที่ไม่ได้ซื้อที่ห้างนี้เพราะเราดันไปได้บัตร Harrods มาทีหลังซึ่งเอามาลดได้ 10 % พอบวก refund tax 12.5% แล้วเหมือนได้ลด 20% ถือว่าซื้อมาได้ถูกมากๆค่ะ

เย็นวันนี้เราเลยถือโอกาสเดินเล่นและเข้าโรงแรมเร็วหน่อย เพราะสลบเหมึอด พูดจริงๆค่ะ เพราะพอกลับมาโยนของแล้วนอนบนโซฟา เท่านั้นล่ะ สวิตส์ปิดทันที เหมือนอดนอนตายอดตายอยากมาก บวกกับเราเจ็บข้อเท้าและเท่าบวมด้วย  ที่นี้คือแบตหมดของจริงค่ะ

วันรุ่งขึ้นคือวันที่ 4 ที่อยู่อังกฤษ วันนี้เราจะไปมหาวิทนาลัยดัง Cambridge University กันค่ะ ใครคิดถึงที่นี้ก็ต้องคิดถึงหนังเรื่อง Harry Potter กันนะค่ะ เพราะมหาวิทยาลัยนี้คือต้นแบบ Hogwarts โรงเรียนเวทมนต์ในหนังค่ะ

แต่ก่อนไปมาทานอะไรตอนเช้าก่อนหน้าสถานีใกล้ๆโรงแรมเรามีร้าน Paul ค่ะ เล็งไว้หลายวันแล้ว อยากรู้ว่าจะอร่อยกว่าที่กรุงเทพหรือที่ประเทศอื่นๆที่เคยชิมมั๊ย เอาซะหน่อย ทานแล้วว่าที่บ้านเราครัวซองค์อร่อยกว่านะ



เสร็จออกเดินทางไปสถานี King's Cross เพื่อไปซื้อตั๋วเดินทางไป Cambridge แต่ที่สถานีนี้มีอะไรน่ารักให้ถ่ายรูปเล่นกันคือ ชานชาลา ที่ 9 3/4 เพื่อเดินทางทะลุกำแพงไป Hogwarts




เวลาซื้อตั๋วให้ดูดีๆนะคะว่าสถานีที่เราจะลงอยู่สถานีที่เท่าไรในสาย รถไฟบางขบวนหยุดหลายสถานี เราอาจจะต้องใช้เวลานานในการเดินทาง เพราะพี่ขยันหยุดเหลือเกิน แต่เราเลือกที่ไม่หยุดมากค่ะ บรรยากาศสถานี จะเป็นชื่อปลายทางขึ้นก่อนตามด้วยสถานีที่จะหยุดทั้งหลายค่ะ รวมถึงเลข Platform ซึ่งจะแจ้งตอนใกล้ๆ พอเลข Platfiorm ขึ้นปุ๊บทุกคนก็จะเดินกรูกันไปขึ้นรถไฟเป็นขบวนเลยค่ะ สนุกดี


เดินทางซักพักก็มาถึงสถานี Cambride จากสถานี เราค่อยๆเดินเข้าตัวเมืองและมหาวิทยาลัยไปเลยค่ะประมาณ 15 นาที ไม่ไกลเพราะมีร้านตามข้างทางตลอด ตัวเมืองจะไม่ใหญ่มากค่ะ เดินได้ทั่ว สบายๆ


พอเดินเข้ามาแล้ว สิ่งที่ไม่ควรพลาดเลยคือ ร้านเครปร้านนี้ค่ะ อย่างอร่อย เกิดมาไม่เคยทานเครปอร่อยแบบนี้เลย เรากินหมดอันเลยค่ะ อยากเบิ้ลซะด้วย



มีผังเมืองทำเป็นแท่นให้ดูด้วยค่ะ น่ารักดี



เดินทางถึงสะพาน ดันจำชื่อสะพานไม่ได้ แต่เป็นสะพานที่มาลงเรือล่องแม่น้ำเข้าไปดูในมหาวิทยาลัย  ภายในมหาวิทยาลัย เราต้องจ่ายเงินค่าเข้านะคะ



ดูขจากภายนอกไกลๆ



ตรงนี้เหมือนเป็นทางเข้าแต่จริงๆคือทางออกของผู้ซื้อตั๋วค่ะ


เราต้องไปซื้อตั๋วก่อนเข้านะคะ ที่ขายตั๋วเป็นร้านขายอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเลยคะ



เราต้องเดินมาเข้าทางประตูด้านข้างนะคะ หน้าตาแบบนี้




 เข้ามาข้างในแล้วจะเจอลานกว้างๆ สวยๆแบบนี้ เราเดินทะลุลานไปถึงคลองสวยๆ



คลองที่โด่งดังลงโลกโซเซียลกัน



สวยงามมากกว่าที่เห็นจริงๆค่ะ ได้บรรยากาศสุดๆ ติดว่าฝนตกปรอยๆเท่านั้นเอง มีแอบเซ็ง ถ้าเราสนใจนั่งเรือทอก็ต้องไปซื้อตั๋วแล้วไปลงท่าตรงสะพานด้านนอกมหาวิทยาลัย ตามรูปข้างบนนะคะ


เดินดูซักพัก หมดแล้ว เมืองนี้ไม่ได้ใหญ่มากนะคะแต่ทุกตารางเมตร สวยหมด เราจะกลับแล้ว แต่กลับ พอดีผ่านร้านอาหารของ Jamie Oliver ซึ่งถ้าเห็นแต่แรกคงสอยไปแระ นี่มาเห็นตอนจบและร้านก็ปิดอยู่ด้วย เสียดายจัง



จบจากการทังร์เมืองแล้วก็นั่งรถไฟกลับลอนดอน มาถึงลอนดอนเย็นๆยังไม่มึดเลย ที่นี้มึดช้าค่ะ เลยแวะไปทานอาหารจีนอีกร้านนึงชื่อ Kam Tong ที่นักเรียนไทยต้องมาทานเคยมาทานติ่มซำ อร่อยใช่ได้ แต่เที่ยวนี้อยากลองเป็ดดู ทานแล้วรู้สึกว่าอร่อยน้อยกว่า Four Seasons มากเลย



จบจากอาหารก้ไปของหวานกันค่ะ  เราไปทานร้านขนมที่อยู่ยงมานานมากแต่ยังรักษามาตรฐานความอร่อยได้ดีจริงๆ ร้านนี้ชื่ิอ Patisserie Valerie มีสาขาทั่วเกาะอังกฤษค่ะ เรามาตรง Covent Garden นะคะ


ที่อร่อยถูกใจเรา เมนูประจำคือ Strawberry Millefeulles อร่อยหอมมาก


ใกล้ๆกันมีร้านไอศกรีมดัง Amorino ด้วยนะ


จาก Covent Garden เราเดินมา China Town ได้เลยนะคะเพราะอยู่ใกล้กัน ที่ China Town มีร้านอาหารจีนเยอะมาก เราลองมาหลายร้านแล้วก็รู้สึกว่าอาหารจีนที่นี้ ความอร่อยลดน้อยลงไป น่าจะเพราะสมัยก่อนเชฟเก่งๆจากฮ่องกงหนีมาอยู่อังกฤษ แคนาดาเพราะกลัวฮ่องกงถึงเอาคืนไปให้จีน อังกฤษเลยมีอาหารจีนที่อร่อยมากๆกว่าประเทศอื่น แต่พอมารุ่นหลังๆ คุณภาพและรสชาติด้อยลงอย่างชัดเจน  น่าจะเพราะเป็นรุ่นหลังๆทำ น่าเสียดายจัง

แต่ที่เดินมาแล้วเตะตาคือที่นี้ค่ะ KU เป็นบาร์เกย์ซึ่งประกาศตังชัดว่าเป็น The award-winning gay bar ค่ะ ใครผ่านมา อย่าลืมลองมาดูนะคะ หนุกๆ



วันถัดมาคือวันที่ 4 ของการอยู่ลอนดอน วันนี้เราจะไปเมือง Bath กันค่ะ แต่เช้าขอเติมพลังก่อน วันนี้เราไปร้านทั่วไปใกล้โรงแรม ร้านนี้มีสาขาเยอะพอควร มารยาทนิสัยคนขายดีเช่นเคย บริการดีมาก


สั่ง omellete เช่นเคย เมนูเดียวเที่ยวรอบโลก 555


ทานอิ่มแล้วเริ่มเดินทางจากสถานีรถไฟไปเมืองบาธเลยค่ะ ใช้เวลาไม่กี่ชั่วเมืองขึ้นมากลางเมืองเลยค่ะ เดินจากสถานีไม่ถึงห้านาทีก็คือสระโรมันแล้ว ดีงามมาก แต่เดินมาเจอร้านนี้ก่อน ซึ่งร้านขาย Cornish มีเยอะมาก แล้วหลายร้านจะติด award-winning ซะด้วย ไม่รู้ว่าผลัดกันชนะวนรอบเมืองละเปล่า 555



 เดินมาอีกนิดคือสระโรมันแล้ว แต่เราไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าข้างในนะคะ เพราะเราเข้าไปหลายรอบแล้ว เลยเดินเล่นดูรอบๆ หาอะไรกินไปดีกว่า


ถนนในเมือง



เดินเล่นซักพักก็ไปหาร้านดังเก่าแก่ของเมืองกันค่ะ ชื่อร้าน Sally Lunn's, Eating House 1680  ดูปีซิค่ะ ก่อนเราเกิดซะอีก นางขายขนมปังค่ะเอามาผ่าครึ่งทำหน้าคาวหวานต่างๆ และตึกที่นางอยู่เป็นตึกประวัติศาสตร์เก่าแก่ที่สุดในเมืองด้วยค่ะ มาดูกัน หน้าร้านหน้าตาน่ารักเชียวค่ะ


หน้าตาหนมปัง แยมกับครีมอร่อยมากค่ะ ทานคนเดียวเกือบหมดเลย


มีชา Rose Lemonade อร่อยหอมใช้ได้เลยแต่ติดหวานไปนิด


ทานเสร็จก็ขอเดินเล่นย่อยอาหารหน่อย สระโรมัน เราไม่ไป ขอเดินดูรอบๆเมืองดีกว่่า เมืองสวยไปหมดตามสไตล์โรมันค่ะ เดินข้ามถนนมาผ่านสวนสาธารณะที่ต้องเสียเงินค่าเข้านะคะ แต่สวยคุ้มค่าตั๋วทีเดียว


เดินต่อมาเรื่อยๆริมคลองจะเจอทัศนียภาพที่สวย สุดยอดมากค่ะ ริมแม่น้ำ และมีเรือนำเที่ยวด้วยค่ะ ใครสนใจก็จ่ายค่าตั๋วแล้วไปล่องเรือชมวิว ดูจากรูป ตรงสุดทางเป็นสะพานข้ามแม่น้ำ ตรงนั้นมีร้านกาแฟให้นั่งดูวิวแบบไม่มีอะไรบังเลยค่ะ แต่ต้องหาทางเอาโต๊ะริมหน้าต่างให้ได้นะคะ เพราะส่วนใหญ่จะมีคนนั่งตลอดเลยค่ะ


ที่ขึ้นเรือ ก็สวยอีกแล้ว



สวนสาธารณะจากอีกมุม



ใครมาที่เมืองนี้ อย่าลืมทานไอศกรีมนี้นะคะ มีขายในตัวเมืองและสะพานริมแม่น้ำก็มีค่ะ


เดินเล่นจนหมดเมืองแล้ว ถึงเวลากลับ เพราะเย็นนี้เรามีคิวต้องไปสอยกระเป๋าเดินทางค่ะ เราไปที่ Harrods สอยกระเป๋า Balanciaga มาโดนไม่ตั้งใจ เพราะราคาถูกกว่าเมืองไทย น่าจะมากกว่า 30 % เลยต้องจำใจซื้อ ซะหน่อย 555  ซึ่งทางคนขายของที่ Harrods เสนอมาให้เราทำบัตรสมาชิกไว้ จากการซื้อกระเป๋า เราได้สถานะนึงที่มีสิทธฺ์เอาบัตรไปลด 10% เพิ่มจากราคาของสินค้าที่ขายในห้าง ได้ทุกอย่างยกเว้นเหล้า แต่บัตรนี้จะใช้ได้วันรุ่งขึ้น เพราะงั้นเราจึงต้องหยุดการช๊อปปิ้งไว้รอถล่มกันวันถัดไปค่ะ เราบอกคุณเพื่อนไว้ให้มาช่วยกันซื้อถล่ม


วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 5 ของการอยู่อังกฤษ วันนี้เราวางแผนไปไร่ลาเวนเดอร์ที่ Mayfield Lavender Farm แล้วคุณเพื่อนจะประชุมเสร็จกลับมาถึงโรงแรมน่าจะบ่ายสาม เพราะงั้นเราต้องออกไปเที่ยวเร็วหน่อยเพื่อจะกลับมาเจอคุณเพื่อนให้ทันแล้วไปช๊อปปิ้งบัตร Harrods ด้วยกัน ที่นี้ฟาร์มที่จะไป ดูแล้วถ้าไม่ได้ขับรถไปเองเหมือนจะยาก แต่พอไปไหว คือเราต้องนั่งรถไฟไปลงหน้าไร่ แต่เจ้ากรรม พอเรามาลงสถานีออกมา อ้าววววว นางปิดป้ายรถเมล์ ย้ายไปอยู่โน้นนนนนนน เรางงซิค่ะ ระหว่างเดินไปป้ายที่นางย้าย เหลือบตาไปเห็น Cab กระโดดขึ้นเลยค่ะ ลุงคนขับก็ใจดีขับไปส่ง โอเค ถึงโดยสวัสดิภาพ มาดูบรรยากาศไร่กันค่ะ


เรามาช่วงปลายฤดูก่อนฟาร์มจะปิดเพื่อเก็บเกี่ยวลาเวนเดอร์ไปทำน้ำหอมแล้ว เพราะงั้นฟาร์มเลยดูไม่สวยสดเต็มที่เท่าไร เพราะอีกสามวันนางจะปิดฟาร์มแล้ว เฮือกสุดท้าย โชคดีที่เรามาทัน จริงๆมีอีกที่นึงที่เราอยากไปคือ ที่ Hitchin Lavender Farm แต่นางปิดไปแล้ว



นั่งทานกาแฟรับลมเย็นๆ กลิ่นหอมๆชื่นใจมาพักนึงก็ถึงเวลากลับ แต่ เอ!!! จะกลับยังไงอีตอนขามาดันใจเร็วเรียกแท๊กซี่กระโดดขึ้นมาซะงั้น ขากลับจะไปโบกที่ไหน ดูป่าเขาซะขนาดนี้ 555 ยืนงงอยู่พักนึงเลยเดินไปให้เจ้าของไร่โทรเรียกแท๊กซี่ให้ แป๊บเดียวมาเลยค่ะ นั่งกลับสถานีรถไฟเพื่อกลับลอนดอน สนุกดีค่ะ บางทีทำอะไรไม่ต้องวางแผนมากก็หนุกไปอีกแบบ

กลับมาสถานี มารับคุณเพื่อนไปเดิน  Harrods กัน ได้ของกันคนละชิ้นสองชิ้น ชักดึกและหิวเลยหาของทาน  เอาร้านในซอยใกล้แต่ดูน่ารัก พอดีหิวและเหนื่อยเลยไม่ได้ถ่ายชื่อร้านหน้าร้านมาค่ะ เจ้าของทำทุกอย่างเอง รับแขกเอง เสริฟเอง คิดเงินเอง เฮ้อออ ดูเหนื่อยแทน

อาหารใช้ได้นะคะ




สามจานยักษ์สำหรับสองสาวตัวเล็ก 5555 จบการทานก็เรียกแท๊กซี่กลับโรงแรม เราโชคร้ายเจอแท๊กซี่โวยวายเรื่องบอกทางผิด อารมณ์เสียใส่เรารุนแรงมากจนแอบคิดว่าจะ report แท๊กซี่คันนี้ แย่มากๆเลย

วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้เที่ยวในอังกฤษแล้วเพราะวันถัดไปต้องกลับเมืองไทยกันแล้ว วันนี้เลยจัดเต็ม เราจะไปกันหลายที่มากวันนี้เลยจ้าง Limousine พร้อมคนขับมา ดีที่คนขับรถเป็นคนปาเลสไตส์ที่โอนสัญชาติมา  นางจึงมีความอดทนกับการเดินทางมาก เพราะเราใช้เวลาในการเดินทาง ออก 8 โมงเช้า กลับ 2 ทุ่ม เดี๋ยวมาดูกันว่าเราไปไหนบ้างค่ะ

ที่แรกที่ไป เราไปเมือง Reading เป็นเมืองธรรมดาๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่เป็นทางผ่าน เราเลยขอแวะไปดู จากนั้นเราเดินทางต่อไป Cotswold ซึ่งมาแล้ว สวยงามมากจริงๆ เมืองนี้เป็นเมืองเก่าที่เล็กมากๆ คนที่นี้บางคนไม่เล่นอินเตอร์เน็ต หาสัญญาณเน็ตยากค่ะ แต่สวยงาม อากาศดีมากๆ ใครมีเวลา ควรมาพักค้างคืน slow life มีโรงแรมที่สวยมากต้อนรับด้วยค่ะ









ที่นี้มีร้านขนมให้มานั่งทาน afternoon tea ด้วยนะคะ ร้านน่ารักมาก ชื่อ The Old Rectory Tearoom เป็นร้ารที่ขายชา ขนม และของที่ระลึก

ขนมหลากหลาย เจ้าของทำเอง อร่อยค่ะ บรรยากาศสวยจริงๆ อากาศก็ดี เหมาะเจาะไปหมด


จบจากที่นี้อย่างมีคุณภาพแล้ว เราไปต่อกันที่ Bibury เลยนะคะ เป็นเมืองเล็กๆมีโรงแรมที่สวยน่ารักมากคิดกับฟาร์ม Trout ไปถึง แม่เจ้า หลงรักเลย ทำไมมันจะสวยงาม อากาศดีไปหมดแบบนี้ แอบคิดในใจว่าคราวหน้ามาจะมาพักที่นี้คืนนึง มาดูรูปกันค่ะ




อากา่ศดีมากค่ะ ขอบอก


ฟาร์มปลา trout ติดกับโรงแรม มีร้านอาหารทำปลาให้ทา่นสดๆเลยค่ะ



ใช้เวลาที่นี้พอสมควรก็ต้องกลับลอนดอนแล้ว ขากลับเรามีแวะเมือง Oxford ด้วย แต่ด้วยเวลา เลยทำได้แค่ทานข้าวและบึ่งรถกลับเลย

วันรุ่งขึ้นก็ไปสนามบิน ทำ tax refund สามารถเลือกรับเป็นเงินไทยได้เลยนะคะแต่จะโดนหักเปอร์เซ็นต์นิดหน่อย สรุปจบทริปสองประเทศ 16 เมือง เดินทางทุกวีธีสารพัด ตั้งแต่เครื่องบิน รถไฟ เช่ารถขับ จ้างลีมูซีนพร้อมคนขับ  แท๊กซี่ ทุกอย่างครบในทริป มีทุกอารมณ์ ถือว่าเป็นการจบทริปแบบสมบูรณ์แบบ บายยยยยย