วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2559

เที่ยวเมืองฟองเบียร์ เยอรมนี ต่อไปเมืองผู้ดี อังกฤษ(ตอนแรก)

มีโอกาสได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่เยอรมนีและอังกฤษ เราวางแผนการเดินทางกันหลายตลบ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แผนการได้ อ้าว ตั๋วเครื่องบินไม่ได้ ต้องพลิกตำรากันฝุ่นตลบมาลงตัวที่ เราบินไปลง Munich ค้างสองคืนแล้วเช่ารถขับจากมิวนิค ขับย้อนลงเมือง Fussen ไปดูปราสาท เสร็จย้อนขึ้นผ่านเส้น Romantic road มาที่ Frankfurt (ซึ่งคิดว่าขับสวนกับคนส่วนใหญ่ที่วิ่งจาก Frankfurt ไป Munich) ค้างที่ Franfurt 3 คืน แล้วเดินทางออกจาก Frankfurt ไปลอนดอนโดยรถไฟ Eurostar อยู่ที่ลอนดอนอีกแปดวัน เพื่อเที่ยวเก็บเมืองรายรอบทั้งทางรถไฟและเช่าลีมูซินพร้อมคนขับ นี่เป็นแผนการเดินทางของเรา

วันแรกของการเดินทางเรานั่งการบินไทยมาลงที่มิวนิค เรียกแท๊กซี่เข้าโรงแรมชื่อ Vi Vadi เป็นโรงแรมที่สะดวกมากสำหรับผู้ที่ต้องการเช่ารถเพราะสถานที่รับรถอยู่ตรงข้ามโรงแรมเลย ห้องก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร มีครัว มีไมโครเวฟ มีตู้เย็นให้ในห้องเลย แถมอยู่ใกล้ city center มาก เดินไปสิบนาทีถึง Marienplatz  แถมราคาที่ได้มาย่อมเยาว์มากคืนละ 2500 บาทเอง ได้ทุกสิ่ง มีข้อเสียคือ เรามาตอนนางซ่อมตึก จะมีเสียงคนงานตอนแปดโมงเช้าเป็นต้นไปซึ่งเราตื่นเช้าอยู่แล้วเลยไม่ค่อยเดือดร้อนเท่าไร มาถึงเช้ามาก นางยังไม่ให้เช็คอิน เลยต้องทิ้งกระเป๋าไว้แล้วออกเดินทางทันทีโดยไม่ได้ตั้งตัว น้ำท่าไม่ต้องอาบ ไม่ต้องพักติ่งให้หายเหนื่อยหายเพลีย 5555

เริ่มต้นเดินจากโรงแรมไป Marienplats เลย ที่นี้เป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง นักท่องเที่ยวมาต้องมาที่นี้มาดูตุ๊กตานาฬิกาเต้นรำ และมาเดินดูตลาด Viktualienmarkt ที่อยู่ใกล้ๆกัน

เรามาวันแรกเดินมาพักให้หายงงก่อนที่ร้านชื่อ Richart ซึ่งอยู่ระหว่างทาง ฝนเริ่มพรมๆมาตลอด อากาศสบายๆ ไม่หนาวไม่ร้อน ทานอะไรไปนั่งดูแผนที่ให้เสร็จว่าจะไปที่ไหนบ้างวันนี้ เพราะตอนออกจากโรงแรมมา เดินมาแบบงง ไม่ได้ตั้งตัวกันเลย


พอได้ของกินเข้าท้องมีแรงหน่อย คิดได้แล้วว่าจะไป Marienplats ก่อน เพราะเช้ามาก คนน่าจะน้อยดี ถ่ายรูปน่าจะไม่มีคน แต่ฝนดันเทลงมา เทลงมา 555 นั่งต่อไปอีกเป็นชั่วโมงรอฝนหยุดก้ไม่หยุด รอจนฝนซาปรอยๆ กระโดดรีบวิ่งออกไปซื้อร่มกันทันที


มาถึง Marienplatz คนไม่มีจริงๆด้วย ว่างเชียว ถ่ายรูปสบาย


แต่ว่างไปมั๊ย 555 เดินมาถึงตรงนี้ ฝนยังตกอยู่ คิดได้ว่า วันนี้คงไม่รอดเพราะดูอากาศแล้ว ตกทั้งวันค่ะคุ๊ณณณณ เลยไปซื้อตั๋วรถ hop-in hop out ตั๋วเดียววิ่งทั่วเมืองมานั่งดูรอบเมืองดีกว่า ไม่เปียกฝนด้วย รุ่นนี้แล้วเรื่องลุยๆอย่ามาถามหา ไม่เอาค่ะ เหนื่อย 555

ตั๋วนี้เส้นเดินทางเป็นวงกลมวิ่งย้อนกลมมาทีเดิมแต่มีให้เลือกรอบใหญ่วิ่งไปพระราชวัง Nymphenburg กับรอบลเ็กวิ่งอยู่ในเมือง หยุดตามสถานีต่างๆ สนใจที่ไหนก็ลงไปดู ดูเสร็จก็รอบัสคันต่อไป เราเลือกเส้นที่วิ่งรอบใหญ่จะได้ไปดูพระราชวัง แต่เนื่องจากฝนตกหนักมาก ทำให้ไม่ได้ลงเลยซักสถานีเดียว นั่งรถดูไปเรื่อยๆและเพื่อนร่วมรถ ทุกคนพร้อมใจกันไม่ลงเหมือนกัน ต่างชาติต่างภาษาไม่รู้จักกันแต่แชร์รถไปด้วยกันตลอดสาย 555




พระราชวัง Nymphenburg ได้แต่ดูและถ่ายรูปจากบนรถ เพราะเดินไม่ไหว ฝนตกหนักมากตลอด

ทั้งวัน



ลงจากรถ ฝนเริ่มซาๆ เราเลยตกลงว่าไปเดินตลาดสดที่โด่งดังของเมืองก่อนเพ่อหาไรรองท้องเบาๆก่อนเดินไปทานของหนักๆเป็นอาหาร Bavarian food ฉบับท่องถิ่นแท้ๆกัน

เราเดินไปตลาดสดชื่อ Viktualienmarkt เราค่อนข้างประทับใจตลาดนี้นะ มีชีวิตชีวา มีความหลากหลาย อาหารเยอะ ขนมเยอะ เราเลือกทานของสดๆได้มากจริงๆเลย  คนที่นี้เน้นทาน organic กันมากเช่นกัน มุมสวยๆของตลาด


หาไรเบาๆรองท้องกันแล้ว เราไปร้านอาหารเก่าแก่มากๆของเมืองชื่อ Hofbrauhaus เป็นร้านที่อยู่มานานและมีโต๊ะเป็นร้อยๆโต๊ะ เปิดบริการตลอดทั้งวัน ไม่มีคิว เดินมาแล้วเห็นที่ไหนว่าง หย่อนก้นไปเลยค่ะ ซึ่งร้านส่วนใหญ่ในเยอรมนีคือ เดินมาหาโต๊ะได้นั่งเลย ไม่ต้องมายืนรอให้บริกรพาไปที่โต๊ะค่ะ  อาจจะวิงเวียนกับผู้คนนิดหน่อย เพราะคนเยอะมาก เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี แต่คุ้ม  อาหารอร่อยจริงๆ



บรรยากาศข้างในค่ะ ที่นี้สามารถมีคนมานั่งร่วมแชร์โต๊ะกับเราได้นะคะ นั่งๆอยู่อาจมีคนแปลกหน้าเดินมานั่งด้วย  อย่าตกใจค่ะ


อาหารอร่อยแต่เราไม่ได้สั่งขาหมูมาเพราะอยากทานอันนี้มากกว่า ซึ่งเด็ด



เสร็จจากอาหาร ทานเล่นย่อยอาหารและนึกได้ว่าควรต้องมาเดินเล่นห้างนี้ ทั้งห้างขายของทานที่เราเรียกกันว่า delicatessen ประมาณน้องๆแผนกอาหารของแฮรอดเลยค่ะ ของที่ขายคุณภาพดีเยี่ยมทั้งนั้น ห้างนี้ชื่อ Dallmayr อ่านว่า ดาล-มาย-ย่า ตามที่เรียกคนขายมาอ่านออกเสียงให้ฟังนะคะ ผิดพลาดประการใด ขออภัย เพราะมาเยอรมนี รู้สึกตนเองมีความบกพร่องเรื่องการอ่านออกเสียงอย่างรุนแรง เพราะอักษรใช้เหมือนอังกฤษแต่ออกเสียงกันไปคนละโยชน์ เห็นป้ายอะไร อ่านออกเสียงไม่ถูกซักป้ายเลยค่ะ งงงวย



ทีี่แนะนำคือต้องมาทานกาแฟ น้ำชาที่นี้ค่ะ ้ป็นคลาส Grang cru คือชั้นพรีเมี่ยมขั้นสุด เราสั่งกาแฟของฮาวายมา ขอบอกว่าหอมเตะ แต่มีความอ่อนโยนของความเป็นกาแฟอาราบิกา ประทับใจจนต้องซื้อกลับมาเมืองไทยเลย ชาก็หอมเช่นกันค่ะ ขนาดวางแก้วข้างๆ กลิ่นหอมโชมแต่สะกืดกันทีเดียว


ส่วนขนม เราสั่งช๊อคโกแลตรัมมา แต่อันนี้ขอยอมแพ้เพราะกลิ่นเหล้ารัมรุนแรงมาก  เราเลิกทานแอลกอฮอล์ไปนานมากแล้ว เลยขอบาย ป้ายนี้น้องขอไม่ไปต่อนะคะ


วิวจากข้างในมองออกไปเป็นจตุรัสให้เดินดูร้านขายของน่ารักเก๋ๆ



เสร็จจากนี้ ตัดสินใจเดินกลับโรงแรมเพราะตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาตอนตี 1 ของวันก่อนจนมาสี่ห้าโมงเย็นของอีกวัน  ยังไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะนอนบนเครื่องไม่ค่อยได้คะ ขอกลับไปนอนเอาแรงก่อน  ระหว่างทางกลับผ่านร้านไอศกรีมร้านดังที่คนต้องต่อคิวกัน เราก็ต้องแวะซะหน่อย  สั่งกันมาคนละโคน  โอติมที่นี้มีเอกลักษณ์คือ ทำเป็นรูปกุหลาบค่ะ  จะสั่งรสไหนมา นางก็ป้ายออกมาเป็นกุหลาบให้ และมีรสชาติแปลกๆให้เลือกหลายรสเช่นรสต้มยำ อะไรแบบนี้  ร้านนี้ชื่อ Amorino เป้นไอศกรีมต้นตำรับมาจากอิตาลี่ ที่ขยายสาขาไปในยุโรปรวมถึงที่อังกฤษ โด่งดังขนาดที่คนยอมรอต่อคิวกันยาว


ได้ทานไอศกรีมแล้วเดินต่อกลับโรงแรมไปเอากระเป๋าเข้าห้อง ห้องที่นี้สะดวก มีเครื่องำนวยความสะดวกทุกอย่างยกเว้น เครื่องปรับอากาศ!!!! ตอนแรกตกใจแต่พออยู่ไป กลางคืนเปิดช่องหน้าต่างเล็กๆ หนาวเหมือนมีแอร์เลย พอไหวเนอะ 555


มีครัวให้ อุปกรณ์จานชามช้อนส้อมมีหมด ที่ไม่มีคือน้ำขวด กาแฟชา ซื้อเองค่ะถ้าต้องการทาน ไม่มีให้ฟรีค่ะ คิดว่าโรมแรมในเยอรมนีคงไม่มีเพราะอีกทีก็ไม่ให้เช่นกัน แต่เราโชคดีที่ได้พักที่นี้ ราคาถูกมากคืนละ 2500 บาทเอง สำหรับโรงแรมที่สะดวกและอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวแบบนี้เพราะงั้น ห้ามบ่น 5555


คืนแรกผ่านไปด้วยดี สลบหลับไม่รู้ตัวเพราะเหนื่อยมาก วันรุ่งขึ้นคือวันที่สอง เรายังอยู่ในมิวนิคนะคะ วันนี้เรามีแผนไปในที่ๆเมื่อวานยังไม่ได้ไปคือถนนช๊อปปิ้งสตรีทที่มีแต่แบรนดืเนมขายและพระราชวัง แต่กองทัพเดินด้วยท้อง วันนี้เราวางแผนจะไปทานอาหารตามลีสต์รายการที่เราทำมาด้วย เริ่มจาก ร้านชื่อน่ารักและเป็นที่โด่งดังในเน็ต ทุกคนกล่าวถึง Daddy long leg เราไปถึง อ้าวไหนอาหารเช้า ที่แท้มันคือร้านขายอาหารสุขภาพ แต่ไปแล้วก็ต้องลองและไม่ผิดหวังเลยคะ



อิ่มแล้วเดินไปสถานที่เรียกว่า Odensplats ที่มีพระราชวัง หรือ Residenz ที่รัฐบาลเอามาประยุกต์ทำเป็นโรงละคร เยอรนีสมัยก่อนเคยมีราชวงศ์ที่รุ่งเรืองและมีประวัติยาวนานนะคะ ทุกๆที่ๆเราไปมีแต่ตึกรามบ้านช่องที่ใหญ่โต มีวังเยอะแยะ มีปราสาทมากมาย มีอนุสาวรีย์เต็มไปหมด ใครมาแล้วศึกษาประวัติศาสตร์มาก่อนคงจะสนุกมาก





จากตรงนี้เราเดินไปถนนช๊อปปิ้งสตรีทที่เรียกว่าถนน Maximilian เป็นช๊อปปิ้งสตรีทที่เดินดูแบรนด์เนมไปได้เรื่อยๆเพลินๆ คนต่างชาติอาหรับเยอะมาก กลิ่นน้ำหอมประจำตัวฉุยจนมึนหัวกันไปข้างทีเดียว เราวางแผนว่าทานกลางวันที่ร้านดังร้านนี้ชื่อ The Brenner ซึ่งไม่ผิดหวังเลย เราให้ร้านนี้อร่อยสุดในทริปสองอาทิตย์ของเราเลย ชนะเลิศคะ มาดูกันว่าอะไรอร่อย

คุณเพื่อนที่ไปด้วยบอกว่า ขนมปังยังอร่อยเลย อร่อยมากด้วย 555




แต่เราให้จานนี้ค่ะ เส้นพาสต้าทำมาได้ดีมาก ลวกสุกกำลังพอดีไม่แข็งเกินไปและเละเกินไป น้ำซอสอร่อยมากจริงๆ  เราให้ชนะเลิศในหมู่มวลพาสต้าที่เคยกินมาในโลกหล้าเลย 5555


อาหารที่นี้จานยักษ์ทุกร้าน อย่าประมาทไปนะคะ ไม่สามารถยัดเข้าได้ไปหมดได้จริงๆ สำหรับท้องมารของสาวเอเซียอย่างเรา เฮ้ออออ กินจนเหนื่อย





เสร็จจากนี้ เราตกลงกันว่าเดินย่อยเถอะ โยม ฟาดเข้าไปขนาดนี้ ไม่เดินตายแน่นอน เลยพากันไปสวนอังกฤษก่อน สวยงามค่ะ แนะนำว่าถ้ามีเวลา ลองมาเดินดูแต่เป็นสวนที่ใหญ่มากๆ จริงๆควรใช้จักรยานปั่นนะคะ




เสร็จจากสวนอังกฤษ พากันกลับมาดูตุ๊กตาเริงระบำที่หอนาฬิกาที่ Marienplats ที่แรกที่มา ข้อดีของเมืองนี้คือทุกที่เดินถึงกันได้หมดในระยะเวลา 10-15 นาที  อากาศสบายๆเดินไปชิลๆ แป๊บเดียวถีงค่ะ ไม่เหนื่อยเลย  เสร็จโต๋เต๋ไปมา ตัดสินใจเดินไปดูที่เช่ารถค่ะ เพราะไม่อย่างให้พรุ่งนี้ซวนเซหาที่เอารถไม่เจอแล้วก็คิดว่าตัดสินใจถูกเพราะหาออฟฟิศนางยากมาก และที่เช่ากับที่เอารถคือคนละที่กัน  เราต้องมาเอากุญแจแล้วเดินไปตึกจอดรถซึ่งอยู่คนละที่ ไปชั้นที่กำหนด ช่องที่กำหนด ไขกุญแจ สตาร์ทและขับออกมาเอง ไม่มีมนุษย์ใดๆค่อยช่วยเหลือรับรู้การเอารถออกมาคะ เรามาตรวจดูก่อนถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด และที่โชคดีมากคือ ตึกเก็บรถอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับโรงแรมเลย ซึ่งแปลว่าพรุ่งนี้ตื่นมาเดินไปเอากุญแจที่ออฟฟิศแล้วมาเช็คเอาท์ แล้วสามารถลากกระเป๋าเดินข้ามถนนขึ้นตึกแล้วขับรถออกมาได้เลย  อย่างสะดวกเลยค่ะ เสร็จกลับมาหาอะไรทานตอนเย็น นึกได้ว่ายังไม่ได้ทานขาหมูเยอรมัน เลยไปร้านมือวางอันดับสอง ชื่อ Haxnbauer


บรรยากาศหนักแน่น มีหลายร้อยโต๊ะเช่นกัน


แต่อาหาร เราชอบร้านแรกมากกว่า



วันนี้เลยกลับเร็วหน่อยมาแพ๊คกระเป๋าเตรียมเดินทาง

รุ่งขึ้นตื่นมาเช้าหน่อยเพราะวันนี้ต้องเดินทางกันไกลมาก คือขับจากมิวนิคลงไปเมือง Fussen ประมาณชั่วโมงครึ่งแล้วไล่ขับขึ้นเหนือ แวะไปเรื่อยๆตามเมืองที่น่าสนใจจนถึงเมือง Frankfurt ถนนเส้นนี้เรียกกันว่า Romantic road มีที่ให้หยุดดูมากมาย ส่วนใหญ่คนจะมาหยุดพักค้างคืนกันอย่างน้อยวันนึง แต่เนื่องจากตอนเราจะมา ยุ่งกับการทำงานกันมาก ไม่มีเวลาศึกษาเส้นทางมากนัก เลยไม่ได้วางแผนหยุดค้างคืนกัน เลยใช้แผนสองคือแวะเก็บครึ่งล่างก่อนวันนึงแล้วยิงตรงไป Frankfurt วันรุ่งขึ้นค่อยวิ่งลงมาเก็บเมืองอื่นๆครึ่งบน เออ! มันก็ใช้ได้เช่นกัน หัวแหลมจริงเรา

เราเช่ารถ Range Rover Evoque แต่ด้วยความใจดีของพนักงาน Hertz ที่กรุณาสลับรถที่คลาสดีกว่าให้ในราคาเดียวกันคือ Benz ML 350 เราก็ไม่อาจปฏิเสธ และยอมรับว่ารถเค้าดีจริงๆ เหยียบปุ๊บวิ่งหลังติดเบาะเลย ความเร็วเท่ากับเท้าที่เหยียบของแท้ 150-160 คือเด็กๆ ขนาดเหยี่ยบ 150-160 แล้ว ยังมีพี่ๆคนอื่นวิ่งแซงไปแบบไม่เห็นวิ่งอยู่หลายคันทีเดียว น่าจะมาไม่ต่ำ 180-200 แน่นอน สุดยอดดดด! แต่ที่ดีของที่นี้คือทุกคนขับรถมีระเบียบวินัยมาก แค่รถคันไหนกดไฟขอทาง อีกคันต้องให้ทางทันที  ไม่มีขับขึ้นมาปิดทางกั๋กไว้เหมือนอย่างบ้านเรา เพราะฉะนั้น ขับรถที่นี้ปลอดภัยมากค่ะ



ถนนที่นี้ขับข้างซ้าย เพราะงั้นเราต้องปรับสมองพอสมควร คนร่วมทาง อย่าโวยวายกรี๊ดและกดดันคนขับโดยเด็ดขาด เพราะเสียสมาธิมากนอกจากเราต้องมาปรับสมองให้เรียนรู้ถนนด้านซ้าย อุปกรณ์รถด้านซ้าย ดูถนนหนทางช่องซ้ายช่องขวา เลนถนนกลับข้างแล้ว ยังต้องเหลือบตามาดูจอนำทางอีก แล้วรถที่นี้ไม่ติดฟิลม์กันแดดค่ะ นี่คือปัญหาใหญ่ เพราะเราต้องขับรถหลายชั่วโมงมากเท่ากันเราจะโดนปิ้งฝั่งซ้ายไปตลอดหลายชั่วโมงซึ่งบอกตรงๆว่า โครตทรมานนนนน

ที่แรกที่เราวางแผนจะไปคือ ปราสาทในเทพนิยาย Walt Disney หรือเรียกกันว่า Neuschwanstein Castle ซึ่งต้องผ่านเมือง Fussen ขับไปได้ประมาณชั่วโมงครึ่งสองชั่วโมงก็ถึง  ที่นี้มีระบบจัดการที่ดี เราต้องจอดรถกันก่อนแล้วเดินไปซื้อตั๋วรถที่จะนำเราขึ้นไปที่ปราสาทอีกทีนะคะ มาดูบรรยากาศกัน



จากตรงนี้เราต้องเดินไปซื้อตั๋วขึ้นบัส  ตั๋วมีสองแบบคือตั๋วดูปราสาทกับตั๋วขึ้นรถบัสขึ้นปราสาท แยกกันซื้อนะคะ วิวปราสาทจากไกลๆ ปราสาทนี้เป็นปราสาทของ King Ludwig II


วิวทางขึ้นก็สวย


มองปราสาทจากใกล้ๆ




เสร็จจากดูปราสาทก็ตัดสินใจมาหาอะไรทานที่ตัวเมือง Fussen เพราะดูจะเป็นเมืองเล็กๆที่น่ารักและเราค่อนข้าง behind schedule ไปสองขั่วโมงแล้ว 


ตัดสินใจทานร้านนี้เ็ป็น bavarian อีกเช่นเคยและบอกตัวเองว่าจะเป็นร้านสุดท้ายแน่นแน เลี่ยนมากณ. จุดนี้ ร้านนี้เป็นร้านเดียวในเมืองที่คนแน่นมาก อาหารช้าต้องใจเย็นนิดนึงนะคะ





รสชาติอาหารพอได้ค่ะแต่ไม่ถึงอร่อยโจ๊ะ เสร็จรีบเดินทางต่อเพราะเราสายมากๆๆๆๆๆ แต่ที่เมืองอัศวิน Rotherburg ทันทีเพราะเดินทางจากนี้ไปสามชั่วโมงกว่าๆคะ เมืองนี้เป็นเมืองอัศวินเก่าแก่ของแท้ดั่งเดิม เป็นเขตอาณาเขตเมืองมีประตูทางออกหลายด้าน  เราสามารถขับรถเข้ามาดูได้แต่ควรจอดด้านนอกประตูเมืองแล้วเดินเข้ามาเที่ยวค่ะ หน้าตาประตูเมืองเป็นแบบนี้คะ


ลานกลางตัวเมือง จะมีเวทีให้คนในเมืองมาแสดงนิยายอัศวินกัน


โซนนี้มีร้านอาหารน่ารักๆ


บ้านแต่ละหลังก็สวยน่ารักแปลกตาดีค่ะ


เรามาถึงที่นี้ห้าโมงเย็นกว่าๆ ซึ่งถือว่าดีเหมือนกันเพราะคนน้อย แดดไม่แรง ตั้งแต่มาเยอรมนี โดนแดดแรงมาตลอด ร้านค้าปิดหกโมงเย็น แต่พอมีร้านอาหารเปิดอยู่ ตัดสินใจทานร้านอิตาเลี่ยนร้านนึงที่คนค่อนข้างแน่นร้าน  อาหารใช้ได้ทีเดียว แต่ไม่ได้ทานกันมากเพราะยังอิ่มขาหมูจากมื้อบ่ายแก่ๆอยู่เลย


จบจากนี้เราตัดสินใจว่าจะยิงตรงขึ้น Frankfurt แล้ว รุ่งขึ้นค่อยขับมาเก็บเมืองที่เรายังไม่ได้ไปซึ่งอยู่ครึ่งบนของ Romantic road ใช้เวลาเดินทางสามชั่วโมงกว่าๆถึงโรงแรม

โรงแรมที่เราจะพักชื่อ Adina อยู่ในย่านที่ดี ห้องเป็น 2 bedroom suite กว้างขวางใช้ได้ทีเดียวมี living room ให้ด้วย อยู่กันสบายๆเลย ราคาค่อนข้างดี คืนละหมื่นนิดๆ หารสองคนคือคืนละห้าพัน ถ้ามากันสี่คนยิ่งจะคุ้มมากเลย





คืนนี้ก็เป็นอีกคืนนึงที่หลับสนิท เพราะเหนื่อยมากจากการตากแดดโดนแดดปิ้งมาหลายชั่วโมง วันรุ่งขึ้นเรามีตารางการเดินทางค่อนข้างแน่นทีเดียว มาถึงทำธุระแล้วรีบนอน เพราะกว่าจะดีกก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มกว่า  พรุ่งนี้ต้องออกเช้าเพราะเรามีนัดคืนรถเช่าตอนทุ่มนึง ออกเช้าหน่อย ทำเวลา

เช้าวันรุ่งขึ้นคือวันที่สองใน Frankfurt เราวางแผนจะไปที่ Wutzburg ไปดู residenz คือพระราชวัง และอาจเก็บเก่ยวเมืองข้างเคียงแต่สุดท้ายจะไป outlet ชื่อ Wertheim Village เจ้าของเดียวกับ Bicester village ที่ ลองดอน ออกจาก Frankfurt แต่เช้ากันเลยเชียว ขับไปซักพัก แวะปั๊มน้ำมันหาของทานกันหนุกๆ แป๊บๆก็ถึงเมือง Wutzburg เป็นที่ตั้งของ Residenz เป็นวังเก่า ที่นี้จะเข้าชม คิดค่าเข้านะคะ



เรามาแล้วก็ขอเดินดูรอบๆเมืองซะหน่อย เมืองไม่ใหญ่มากแต่ก็น่ารักตามแบบฉบับ เดินไปเดินมาถึง city center มีห้าง มีรถรางผ่าน มึตลาดสดให้ซื้อของสด ชิลๆด้วย แต่งตัวเข้ากับบรรยากาศตลาดสดมาก เหมือนเป็นเจ้าของตลาดมาตรวจตลาดเองเลย 555


เสร็จจากที่นี้ก็ไป Wertheim Village Outlet กันต่อ ตอนแรกเราลัเลใจระหว่างจะไป outlet ที่ มิวนิคดีหรือจะมาที่นี้ดี เพราะโดยรวมร้านค้าคล้ายกันเท่าๆกันแต่ที่มิวนิคมร้าน Gucci ซึ่งเราคิดว่าถ้าไปก็คงได้อะไรติดไม้ติดมือมา แต่ด้วยเวลา เราเลยตัดสินใจมาที่นี้แทน


outlet ที่นี้ไม่ได้ใหญ่มาก เราว่าที่ Bicester vilaage ทำได้ดีกว่าเยอะ เราก็ไม่ได้คิดว่าช๊อปอะไรเยอะแยะเพราะยังมีคิวที่ต้องลากกระเป๋าขึ้นรถไฟ Eurostar ไปลอนดอน ทำให้ต้องระวังการซื้อไม่ให้เป็นภาระ เลยไม่ได้อะไรติดมือมา อีกอย่างคิดว่าไปซื้อที่ลอนดอนจะสบายใจกว่า บ่ายๆก็แวะทานอะไรซักหน่อย หลังจากนั้นตกลงกันมากลับ Franfurt เร็วหน่อยไปหาอะไรทานกันในเมือง 


ระหว่างทางกลับทางออกของ outlet เราขับมาเจอร้านกาแฟร้านนึง น่ารกและแปลกมากคือทำเป็นบ้านกลับหัว เลยขอหยุดพักถ่ายรูปกันหน่อย คูณเพื่อนร่วมทริปบอกว่า เคยเห็นในหน้าแมกกาซีนนิตยสารบางเล่ม สงสัยเคยมีถ่ายลง


หลังจากนั้นก็ขับกลับ เอารถไปคืนก่อนแล้วเราไปตรง city center ซึ่งตรงนี้ชื่อว่า Zeil มีห้างล้อมรอบและร้านอาหารเยอะ ความที่มากันแบบเบลอๆ หาร้านได้ก็นั่งเลยลืมถ่ายรูปร้านไว้ จำชื่อไม่ได้อีก รู้แต่เป็นตึกเก่าที่ร้านเอามาทำร้านอาหาร อาหารธรรมดาคะ ไม่ได้อร่อยมานัก เลยไม่ได้ติดตาตรึงใจที่จะหาข้อมูลมากขึ้น



มาเยอรมนีต้องอย่าพลาดที่จะทาน Apple strudel


ทานเสร็จก็ขอเดินเล่นซักพักแล้วเรียกแท๊กซี่กลับโรงแรม ไม่อยากเดินแล้วเพราะขวัญหนีดีฝ่อมาจากการคืนรถแถวสถานีรถไฟ ซึ่งคนบ้าเยอะมาก แถมมีพวกคนเมา homeless อะไรไม่ทราบเต็มไปหมด เราไปเดินสองสาวโดนแทะโลมกันจนต้องเดินหลบไปเรียกแท๊กซี่หนีกัน ตกอกตกใจกันไปคนละหน่อย 555

วันถัดมาเป็นวันที่สามที่อยู่ใน Frankfurt เราวางแผนว่าวันนี้คือวันเดินๆๆๆแห่งชาติ วันนี้จะเดินเที่ยวในเมืองซึ่งทีกที่เดินกันไม่ถึง 15 นาทีถึง เราวางแผนไปทานอาหารเช้าในสวนกันก่อน  ร้านนี้ชื่อ Metropol

 ร้านนี้คนแน่นร้านค่ะ ตอนแรกจะนั่งกันที่สวนนอกร้านแต่ คนรอบข้างสูบบุหรีกันคักๆ แต่ขอย้ายโต๊ะเข้าข้างใน ปลอดภัยกับปอดมากกว่า 555 เราสั่งตามที่บริกรแนะนำ มีชาร้อน


ไข่ออแกนิค หมูแฮมก็ออแกนิคด้วยคะ




จานนี้เด็ด อร่อย


ทานเสร็จก็เดินเล่นในจตุรัสชื่ อ Romerberg เป็นที่ๆทุกคนมาต้องมาถ่ายรูป


ตลาดต้นไม้สดชื่นในพื้นที่ข้างเคียง


จากตรงนี้เราเดินไปสำรวจช๊อปปิ้งตรงพื้นทีื Zeil อีกรอบเพราะคุณเพื่อนอยากไปกระเป๋าเดินทาง Rimowa ได้แล้วจะได้เอากลับโรงแรมกันก่อนไปทานกลางวัน มาเยอรมนีต้องซื้อกระเป๋แบรนด์นี้เพราะถูกมากๆ ราคามาขายเมืองไทย แพงกว่าเกือบเท่านึง เพราะงั้น เราจะเห็นคนขายจีนในห้างมายืนขายกระเป๋านี้ให้คนเอเซียเกือบทุกห้าง ขายดีเหมือนแจกฟรีจริงๆ เสร็จจากสอยกระเป๋าแล้ว เราเรียกแท๊กซี่ไปว่งที่โรงแรมนึงที่เราจะไปทานเที่ยง โรงแรมนี้มีประวัติเป็นสถานที่ของตระกูล Kennedy มาก่อนชื่อว่า Villa Kennedy

Villa Kennedy เป็นโรงแรมที่ค่อนข้างหรู มีร้านอาหารกลางสวนเป็นเหมือน courtyard ซึ่งสวยมาก เรามาดูวิวกันค่ะ


เรามาที่นี้ด้วยใจเป็นบวก Positive มาก เพราะสถานที่สวยงาม แต่พอมาถึงกลับรู้สึกว่า ไม่น่ามาเลย เพราะ เรารู้สึกว่าบริการที่นี้ที่มีต่อนักท่องเที่ยวเอเซียไม่ค่อยดีนัก เพราะเราถูกละเลยบริการทิ้งให้รอตลอดตั้งแต่หาโต๊ะนั่ง รอสั่งอาหาร สั่งเช็คบิล และอื่นๆ ทำให้เราคิดในใจตลอดว่าไม่น่ามาเลย เพราะอาหารก็ไม่ได้อร่อยอย่างที่คิด เลยไม่ขอแนะนำให้มากัน เพราะเสียเวลา สำหรับเรา อาหารก็ไม่ได้อร่อยอะไรเท่าไร บริการไม่ได้ดีอะไร อาหารทานที่กรุงเทพหลายร้านอร่อยกว่าค่ะ

อาหารที่ว่าไม่อร่อยมีอะไรบ้าง สลัดตามธรรมเนียม เฉยๆ จึดๆ


คล้ายๆพิซซ่าใส่ asparagus ขูดเห็ดทรัฟเฟิลใส่เข้าไป อร่อยคือ asparagus แต่เอามารวมกันแล้ว ไม่อร่อยค่ะเลยจิ้มแต่ asparagus กินไป


จานนี้มาหน้าตาดี คิดว่าจะมีอนาคต ทานไปแล้วก็เฉยๆ ไม่อร่อยเหมือนหน้าตา


เรียกเช็คบิลก็ได้รับคำตอบเดิมคือ ให้รอก่อน เหมือนกับตั้งแต่รอหาโต๊ะ จนให้รอสั่งอาหาร จนให้รอจ่ายเงิน เพราะคนเสริฟต้องไปวุ่นวายกับโต๊ะอื่นก่อน ให้รอนานมากจนเราไปเข้าห้องน้ำกลับมา สรุปคือ ไม่ประทับใจอย่างแรง ไปร้านหรูๆมาเยอะหลายประเทศแล้ว ไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้มาก่อนเลยกับร้านนี้ ไม่กลับมาอีกแน่นอนและไม่แนะนำให้ใครมา นอกจากอยากแนะนำลงเว็บไซด์ทัวร์จีนมาก เผื่อขบวนการลูกทัวร์จีนจะมาลงให้หนุกๆร้านเล่น 5555

จบอย่างไม่ประทับใจและรู้สึกเหมือนโดนทรีตเป็นประชากรชั้นสองแล้วก็ไปเดินเล่นซักพัก มานี่ยังไม่เห็นแม่น้ำเลย ริมฝั่งแม่น้ำเมือง Frankfurt


เสร็จมาเดินเล่นในเมืองอย่างเหนื่อยๆ เพราะเดินทางมาได้น่าจะเกือบอาทิตย์สมบุกสมบันมาก พอค่ำๆหน่อยหาอะไรเบาๆทานเพราะอิ่มมาทั้งวันแล้ว เจอร้านดังร้านนี้ ขายซุปเป็นหลัก ซื้อซุปหยิบหนมปังไปทานเองได้ฟรี ชื่อร้าน Souper



ร้านน่ารัก ดูแปลกตาดี เจ้าของร้านก็น่ารัก อัธยาศัยดี มาแล้วอบอุ่นดีหลังจากหนาวเหน็บกับอาหารไฮโซราคาแพงมา 555


ที่เราสั่งมาเบาๆคือ Ministrone soup ซึ่ง อร่อยมาก ไม่น่าเชื่อ เราซดกับเกือบหมด  อีกอันคือ tomato soup รสชาติเข้มข้นไปนิดสำหรับเรา แต่ก็เอาอยู่ท้อง ชามใหญ่จริงไรจริง มีหนมปังให้ทานด้วย  นั่งสบายๆไปเรื่อยๆ ดีจัง


จบจากนี้เรากลับโรงแรมแพ๊คกระเป๋า เตรียมตัวเดินทางไปลอนดอนวันรุ่งขึ้น เราต้องไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟ central franfurt ไปเบลเยี่ยม เพราะเราต้องมาเปลี่ยนสายที่บรัสเซลล์ เปลี่ยนขบวนไปลอนดอน ที่เราไม่คุ้นเคยคือเราสามารถขึ้นรถไฟออกจาก Frankfurt ไปเบลเยี่ยมได้เลยโดยไม่มีการปั๊มตราพาสปอร์ต

วันรุ่งขึ้นนั่งแท๊กซี่ที่จองไว้ก่อนแล้วจากเมื่อวานมารับ เป็นคุณลุงใจดีคนนีง นางพามาสถานีรถไฟแต่เช้า ตอนเดินเข้าสถานี เจอคนบ้าอีกแล้ว  ที่นี้มีคนบ้าเยอะมากจริงๆ จนเราแอบคิดว่าน่าจะเพราะประเทศมีระเบียบมีมาตรฐานสูงเกินจนคนอยู่แล้วเครียดมากละเปล่า ลงจากรถก็ลากกระเป๋าไปดูว่าขึ้น Platform ไหน เดินไปถาม Information center ก็ไม่ค่อยได้รับคำตอบที่ละเอียดและสุภาพเท่าไร ซึ่งเป็นธรรมดาของคนที่นี้มั่ง เพราะตั้งแต่เท้าเหยียบเยอรมัน เป็นแบบนี้มาตลอด เย็นชา ไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือ ถึงเราจะจ่ายเงินค่าบริการก็ไม่ได้หมายความว่านางจะช่วยเหลือตอบอะไรเรานะฮ่ะ อย่าเข้าใจผิดไป สรุปว่าเราออกไปจากประเทศนี้ได้ด้วยความดีใจว่า เฮ้อออออ ไปได้ซะที เหนื่อย และไม่ค่อยสนุกเท่าไรกับคนที่นี้ คนส่วนใหญ่โอเคนะแต่เราว่าประเทศนี้เหมือนคนไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวละเปล่าไม่รู้หรือ นางอยู่ในสังคมที่คนต้องช่วยเหลือตนเองค่อนข้างสูง เป็นสังคมการเรียนรู้ที่สูงเลยไม่มีจิตใจจะช่วยเหลือใคร เและเวลาเป็นเงินเป็นทองละมั่ง

ย้ายไปลอนดอนบ้านเฮาดีกว่า เพราะทันทีที่เราไปถึงเบลเยี่ยม สถานที่เช็คอิน direct train Brussel-London เราเห็นความต่างอย่างชัดเจนถึงจิตใจของคนสองชาติ อบอุ่น มีน้ำใจ อธิบายทุกอย่างชัดเจน ทำไมมันถึงต่างกันราวฟ้ากับเหวอย่างนี้นะ 55555

สรุปจบทริปนี้อย่างไม่ค่อยสนุกและไม่ประทับใจ คิดว่าให้มาอีกก็ขอบายยยยยย ไม่เอาแล้ว เพราะสำหรับเรา มีอีกหลายที่ๆน่าไปและน่าสนุกกว่า คราวหน้าเจอกันที่ลอนดอนค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น